ร่องแก้ม เกิดจากอะไร แก้ยังไง รวมวิธีลดร่องแก้มริ้วรอยแห่งวัย
- 27/03/2024
- 865
ร่องแก้มเป็นหนึ่งในริ้วรอยแห่งวัยที่สังเกตเห็นได้ชัด และทำให้ใบหน้าดูมีอายุ เพื่อให้ทุกคนสามารถป้องกัน และแก้ไขปัญหาได้อย่างถูกต้อง บทความนี้จึงมีความรู้ดีๆ เกี่ยวกับปัญหาร่องแก้มมาฝาก รวมถึงวิธีลดร่องแก้มที่ไม่ต้องผ่าตัดศัลยกรรม จะเป็นอย่างไรไปดูกันเลย
ร่องแก้ม คืออะไร ทำไมถึงต้องใส่ใจ
ร่องแก้มคือ เส้นรอยลึกเป็นแนวเฉียงตั้งแต่บริเวณปีกจมูกลากยาวลงจนถึงมามุมปากทั้งสองข้าง โดยปกติจะเกิดขึ้นเวลาแสดงสีหน้า เช่น ยิ้ม หรือหัวเราะ แต่เมื่ออายุมากขึ้นร่องแก้มจะลึก เห็นได้ชัด และกลายเป็นรอยถาวรที่แม้ไม่แสดงสีหน้าใดๆ ก็ยังปรากฏรอยให้เห็น
สาเหตุของร่องแก้มเกิดจากอะไร ทำไมถึงมีร่องแก้มลึก?
ร่องแก้มเกิดจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการใช้ชีวิตประจำวัน หรือจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น ดังนี้
- อายุ ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินได้น้อยลงเมื่ออายุมากขึ้น ทำให้ผิวขาดความยืดหยุ่น หย่อนคล้อย ปัญหาร่องแก้มจึงมักจะรุนแรงขึ้นตามอายุ
- กระดูกใต้ตาและไขมันยุบตัว ทำให้เนื้อแก้มด้านบนหย่อนลงมากองจนเกิดรอยพับ
- การขยับใบหน้าเยอะ ทุกครั้งที่มีการแสดงสีหน้า เช่น ยิ้ม หัวเราะ จะทำให้กล้ามเนื้อขยับและเกิดเป็นรอย เมื่อทำเป็นประจำจะสะสมจนร่องลึกและชัดขึ้น
- รังสียูวี ทำให้ผิวแห้งกร้าน ขาดความยืดหยุ่น และยังไปทำลายคอลลาเจนใต้ผิวอีกด้วย
- พฤติกรรมต่างๆ เช่น ความเครียด การสูบบุหรี่ ส่งผลต่อโครงสร้างผิว ทำให้ผิวอ่อนแอ เสื่อมสภาพ เกิดอนุมูลอิสระ ผิวจึงหย่อนคล้อยและเกิดริ้วรอยก่อนวัย
ปัญหา ร่องแก้มลึก แก้ยังไงได้บ้าง?
แก้ปัญหาด้วยกลุ่มเครื่องมือมาตรฐาน Gold Standard
เครื่องมือมาตรฐาน Gold Standard ทำแล้วเห็นผลลัพธ์หลังทำ ไม่เจ็บตัว ไม่ต้องพักฟื้น และช่วยแก้ปัญหาผิวได้อย่างรอบด้าน
- Thermage
การรักษาร่องแก้มด้วยวิธี Thermage เป็นเครื่องมือที่ทำแล้วสามารถอยู่ได้นานตั้งแต่ 6 เดือน – 1 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพของแต่ละบุคคล เครื่องมือตัวนี้จะช่วยให้ผิวมีความตึงกระชับ และช่วยให้บริเวณแก้มและคางดูเรียวขึ้น อีกทั้งผิวดูมีความเรียบเนียน ใครที่มีริ้วรอยก็ช่วยให้ดูจางลง ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น
- Emface
สำหรับใครที่อยากได้ผลลัพธ์ในระยะยาว เครื่องยกกระชับกล้ามเนื้อ Emface ตัวนี้จะช่วยกระตุ้นการทำงานของชั้นผิวบนใบหน้า เพื่อช่วยลดเลือนริ้วรอย โดยใช้เทคโนโลยี HIFES Monopolar RF และ Synchronized RF ซึ่งเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความแรงสูง ทำงานร่วมกับพลังงาน RF เพื่อช่วยในการเผาผลาญไขมันส่วนเกิน และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน อีกทั้งยังให้ผิวหน้ามีความอิ่มฟูและกระชับขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน
แก้ปัญหา ร่องแก้มลึก ด้วยกลุ่มเครื่องมือพรีเมียม
- Hifu
สำหรับใครที่กลัวเข็ม สามารถใช้ Hifu แทนได้ โดยเครื่องจะส่งพลังงานคลื่นเสียง High Intensity Focus Ultrasound เข้าไปยกกระชับผิว และกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน แต่วิธีนี้จะเหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาร่องแก้มไม่มาก ร่องแก้มไม่ลึก เห็นผลหลังทำประมาณ 20% และจะเห็นผลชัดเจนใน 1-3 เดือน
- Ultrafomer
ปัญหาร่องแก้มลึก สามารถแก้ได้โดยใช้เครื่องยกกระชับใบหน้า เหมาะสำหรับการสลายไขมันใต้ชั้นผิว โดยตัวเครื่องจะปล่อยพลังงานลงสู่ชั้นผิวได้อย่างล้ำลึกถึงชั้น SMAS ช่วยให้สามารถปรับรูปหน้าได้โดยที่ไม่ต้องผ่าตัด หรือใช้เข็มจิ้มอีกต่อไป อีกทั้งยังไม่มีผลข้างเคียง ไม่ทำให้ผิวหน้าระคายเคือง และไม่ทำให้เกิดแผลหรือรอยช้ำต่าง ๆ ที่สำคัญยังเป็นตัวช่วยในการลดเลือนริ้วรอย กระตุ้นคอลลาเจน ช่วยให้ผิวกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น
แก้ปัญหา ร่องแก้มลึก ด้วยกลุ่มหัตถการตัวยา
- ฟิลเลอร์ ร่องแก้ม
การเติมฟิลเลอร์เป็นวิธีที่นิยมมากที่สุด โดยแพทย์จะทำการเติมไฮยาลูรอนิก (HA) เข้าไปเติมเต็มร่องแก้ม ข้อดีคือสารชนิดนี้เป็นสารชนิดเดียวกับที่พบได้ในร่างกายมนุษย์ จึงมีความปลอดภัยสูง และสามารถสลายไปได้เอง ไม่ตกค้างในร่างกาย เห็นผลได้หลังทำ โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องฟักพื้น
- เติมโบท็อกซ์ ร่องแก้ม
การเติมโบท็อกซ์ช่วยแก้ปัญหาร่องแก้มได้เหมือนกัน โดยจะไปทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนี้คลายตัว และลดการทำงานลง จึงทำให้ริ้วรอยดูลดลงตามไปด้วย เหมาะสำหรับคนที่ปัญหาร่องแก้มเวลาแสดงสีหน้า
ข้อดีในการแก้ปัญหาร่องแก้มด้วยการเติมฟิลเลอร์
- เป็นการแก้ไขร่องแก้มลึกที่เจ็บน้อย ผลข้างเคียงน้อย
- ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ไม่มีรอยแผล
- ฟิลเลอร์ที่ใช้เป็นสารชนิดเดียวกับที่พบในร่างกาย จึงไม่ก่อให้เกิดการแพ้ และสลายไปได้เองตามธรรมชาติ ไม่ตกค้างหรือสะสมในร่างกาย
- เห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ และจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนภายใน 2-3 สัปดาห์
- ช่วยให้ผิวบริเวณที่เติมมีความชุ่มชื้นมากขึ้น
การเตรียมตัวและการดูแลหลังทำฟิลเลอร์ ร่องแก้ม
ก่อนการเติมฟิลเลอร์ร่องแก้ม ควรมีการเตรียมตัว ดังนี้
- ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการเติมฟิลเลอร์ร่องแก้ม
- เลือกคลินิกเติมฟิลเลอร์ร่องแก้มที่ได้มาตรฐาน มีความน่าเชื่อถือ หรือดูรีวิวเติมร่องแก้ม จากผู้ใช้บริการจริงในคลินิกนั้นๆ
- งดรับประทานยา วิตามิน หรืออาหารเสริมที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน, ยาแก้ปวดในกลุ่ม NSAIDs, วิตามินอี, น้ำมันปลา, โสม, ใบแปะก๊วย ฯลฯ อย่างน้อย 2 สัปดาห์
- งดสูบบุหรี่ และงดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมง
- งดการออกกำลังกายหรือกิจกรรมที่ทำให้เลือกสูบเติม 24 ชั่วโมง
- หากมีโรคประจำตัว มียาที่รับประทานประจำ หรือมีประวัติแพ้ยา ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนทุกครั้ง
การดูแลตัวเอง และข้อห้ามหลังเติมฟิลเลอร์ร่องแก้ม มีดังนี้
- งดกด แตะ เกา หรือนวดคลึงใบหน้า
- อย่าขยับหน้าเยอะ เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อน หรือไม่เกาะผิว
- อยู่ในที่อากาศเย็น หลีกเลี่ยงการตากแดด ทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือนั่งหน้าเตาอาหาร
- งดออกกำลังกาย หรือกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดง 48 ชั่วโมง เช่น เข้าซาวน่า อบไอน้ำ
- ดื่มน้ำมากๆ วันละ 1.5-2 ลิตร จะช่วยให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานขึ้น
- งดนอนคว่ำหรือตะแคง ให้นอนหงาย โดยยกศีรษะให้สูงกว่าหน้าอก 2-3 วัน
- ประคบเย็นตามคำแนะนำของแพทย์ในบางกรณีเท่านั้น หากต้องประคบเย็นไม่ควรกดแรง
‘ อยากหน้าเรียว แก้มเต็ม ร่องลึกหาย ฟิลเลอร์ช่วยได้! ’
ที่ AES CLASS CLINIC พร้อมดูแลคุณทั้งรักสวยและรักษาดูแลผิวพรรณ ให้คุณรักตัวเองอย่างมั่นใจขึ้น ด้วยแพทย์เปี่ยมประสบการณ์ และเครื่องมือมาตรฐานระดับ Gold Standard ปรึกษาปัญหาผิวฟรี! ได้ที่ LINE
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ ร่องแก้ม
ร่องแก้มมีทุกคนไหม
ร่องแก้มสามารถเกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติ และสามารถเกิดขึ้นได้ ทุกเพศ ทุกวัย ทั้งนี้เมื่อเราอายุมากขึ้นร่องแก้มก็จะเห็นชัดมากยิ่งขึ้นด้วย อาจจะเป็นริ้วรอยก่อนวัย ทำให้นวัตกรรมฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์ช่วยแก้ปัญหาร่องแก้มที่ชัด
ร่องแก้มเติมฟิลเลอร์กี่ cc
โดยปกติสามารถเติมฟิลเลอร์ร่องแก้มได้ 2 ข้าง และเริ่มต้นที่ข้างละ 1 CC เพื่อให้มีความเป็นธรรมชาติ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจในการรักษาแต่ละบุคคล
ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มอันตรายไหม
การฉีดฟิลเลอร์ไม่ได้เป็นอันตราย เพราะฟิลเลอร์เป็นสารธรรมชาติ ที่สามารถสลายเองได้ไม่ตกค้าง แต่จะต้องทำกับแพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะด้านเท่านั้น ที่เคยผ่านการอบรมการใช้ฟิลเลอร์แล้ว
ร่องแก้มมีตอนอายุเท่าไร
ร่องแก้มจะเริ่มมีตั้งแต่ตอนอายุ 25 ปี ขึ้นไป เนื่องจากคอลลาเจนเริ่มผลิตน้อยลง และจะเห็นได้ชัดหากเริ่มอายุ 30 ปี
ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มอยู่ได้กี่เดือน
หากทำฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐาน จะอยู่ได้นานประมาณ 6 – 24 เดือน ซึ่งจะขึ้นอยู่กับยี่ห้อของฟิลเลอร์ สภาพผิว และการดูแลผิวพรรณของแต่ละคนหลังทำด้วย