Emface ราคาล่าสุด 2024 Emface คืออะไร เจ็บไหม เห็นผลทันทีหรือไม่

  • 22/02/2024
  • 10

เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ มาช่วยดูแลปัญหาผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะปัญหาริ้วรอยที่ยากจะหลีกเลี่ยง ปัจจุบันเราจึงสามารถย้อนวัยผิวได้โดยไม่ต้องผ่าตัดให้เจ็บตัวเหมือนสมัยก่อน และไม่ต้องเสียเวลานอนพักฟื้นด้วย ซึ่งนวัตกรรมที่อยากจะแนะนำให้ทุกคนรู้จักนี้มีชื่อว่า “Emface” เป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ที่เรียกว่าเข้ามาปฏิวัติวงการดูแลผิวเลยทีเดียว แต่จะมีหลักการทำงานที่แตกต่างจากเครื่องอื่นอย่างไร ดีจริงไหม เห็นผลเลยหรือเปล่า และทํา Emface ราคาเท่าไหร่ ไปหาคำตอบพร้อมๆ กันได้ในบทความนี้เลย 


อัปเดต Emface ราคาเท่าไหร่ ? ล่าสุดปี 2024


Emface ราคาแตกต่างกันขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งคลินิกที่ให้บริการ สภาพผิว ปัญหาผิว และบริเวณที่ต้องการทำ แต่โดยทั่วไปแล้วราคาจะเริ่มต้นที่หลักหมื่นบาทต่อครั้ง สำหรับโปรโมชันอัปเดตล่าสุดปี 2024 จาก AES CLASS CLINIC มีโปรโมชั่นคุ้มค่าสำหรับคนที่ต้องการทำ Emface เพื่อยกกระชับผิว สามารถสอบถามได้ที่ LINE หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ FACEBOOK


Emface คืออะไร ทำไมถึงน่าสนใจ?



Emface คือเครื่องมือยกกระชับผิว ที่ทำงานโดยการส่งคลื่นพลังงานประสิทธิภาพสูงเข้าสู่ชั้นผิวแบบ 2 in 1 ซึ่งไม่เคยมีเครื่องไหนเคยทำได้มาก่อน ประกอบไปด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า HIFES (High-Intensity Focused Electric Stimulation) และคลื่นวิทยุความถี่สูง Syn RF (Synchronized  Radiofrequency) ซึ่งพลังงานนี้สามารถลงลึกได้ถึงชั้นกล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นชั้นที่ลึกที่สุดของผิวหนัง ทำให้กล้ามเนื้อเกิดการหดตัวอย่างรวดเร็วเหมือนกับการออกกำลังกาย อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นและฟื้นฟูคอลลาเจนในชั้นผิวได้ดีขึ้น จึงช่วยให้โครงสร้างผิวแข็งแรง มีแรงพยุงและต้านความหย่อนคล้อย ผิวจึงอิ่มฟูดูเรียบเนียน ริ้วรอยลดเลือนลง พร้อมช่วยปรับรูปหน้าให้ดูเรียวสวยอย่างเป็นธรรมชาติ 

ส่วนคำถามที่ว่าเห็นผลทันทีเลยไหม สามารถเห็นผลหลังทำได้ทันทีประมาณ 20% หลังจากนั้นผิวจะค่อยๆ ฟื้นฟูและสร้างคอลลาเจนอย่างต่อเนื่องจนเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนที่สุดประมาณ 1-3 เดือน และอยู่ได้นาน 16 เดือน


เครื่อง Emface มีดีอย่างไร



ข้อดีของเครื่อง Emface ที่โดดเด่นจากนวัตกรรมยกกระชับทั้งหมดที่เคยมีมา คือการที่ตัวเครื่องสามารถปล่อยพลังงานได้ถึง 2 แบบพร้อมกัน โดยพลังงาน HIFES จะมุ่งไปที่การยกกระชับชั้นกล้ามเนื้อโดยเฉพาะ ในขณะที่พลังงาน Synchronized RF จะถูกส่งผ่านทุกชั้นผิว โดยควบคุมความร้อนให้ไม่เกิน 42 องศา จึงไม่ทำให้ผิวไหม้ แต่จะไปกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินเพิ่มขึ้น ทำให้ผิวยืดหยุ่น เรียบเนียน แลดูอ่อนเยาว์

ที่สำคัญการทำ Emface ใช้เวลาน้อย แค่ประมาณ 20-30 นาที ไม่เจ็บ ไม่ต้องแปะยาชา จะแค่รู้สึกอุ่นๆ ที่ผิว หรือรู้สึกปวดตึงกล้ามเนื้อเล็กน้อยเท่านั้น หลังทำก็สามารถกลับบ้านได้เลย ไม่ต้องพักฟื้น 


โปรแกรม Emface ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?



Emface ยกกระชับใบหน้า 

Emface ช่วยให้ผิวดูเฟิร์มกระชับ และเรียบเนียนมากขึ้น แก้ปัญหาความหย่อนคล้อย และริ้วรอยแห่งวัย โดยไปกระตุ้นกล้ามเนื้อผิวหน้า และคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้ผิวแน่นละเอียด หน้าผากเรียบเนียน ริ้วรอยร่องลึกต่างๆ ลดลง เช่น ตีนกา หางคิ้ว ร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก เป็นต้น สามารถทำได้ตั้งแต่อายุ 25 ปีขึ้นไป รวมถึงผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยก่อนวัย หรือยังไม่มีริ้วรอย แต่อยากฟื้นฟูคอลลาเจนให้ผิวมีความยืดหยุ่น นุ่มเด้ง และปกป้องผิวจากสัญญาณความร่วงโรย 

Emface กระตุ้นโครงสร้างผิวให้แข็งแรง

จุดเด่นของ Emface คือการส่งพลังงานไปที่ชั้นกล้ามเนื้อโดยตรง ซึ่งนวัตกรรมอื่นๆ ทำไม่ได้ เมื่อกล้ามเนื้อถูกกระตุ้น ก็จะตอบสนองโดยการหดตัว ซ่อมแซมตัวเอง และสร้างกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น ทำให้กล้ามเนื้อมีความหนาแน่น ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผิวมีโครงสร้างที่แข็งแรง  

Emface ปรับรูปหน้าให้เรียว กรอบหน้าชัด

Emface ช่วยยกกระชับผิวหน้าได้ทุกบริเวณ จึงช่วยยกแก้ม ยกคิ้ว ยกกระชับคาง ช่วยให้เหนียงใต้คางลดลง รูปหน้าจึงเรียวสวย มีกรอบหน้าที่คมชัด ใบหน้าดูมีมิติมากขึ้น สำหรับผู้ที่มีไขมันที่หน้าน้อยก็สามารถทำได้ ไม่ทำให้หน้าดูตอบ เพราะ Emface จะไม่ไปทำลายไขมันที่หน้า

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องกับ EMFACE : 5 เรื่องจากประสบการณ์จริง ปังอยู่แล้ว มาสวยปังได้อีกด้วย EMFACE


การทำ Emface เหมาะกับใครบ้าง


  • ผู้ที่อายุ 25 ปีขึ้นไป ต้องการยกกระชับผิว
  • ผู้ที่อยากหน้าเด็ก หน้ายกกระชับขึ้น โดยไม่ต้องเจ็บตัว
  • ผู้ที่อยากดูดีขึ้น โดยไม่ต้องพักฟื้น
  • ผู้ที่ต้องการชะลอวัย และมีผิวสวยสุขภาพดีตั้งแต่โครงสร้างชั้นผิว คือ ชั้นกล้ามเนื้อใบหน้า

และไม่เหมาะกับใคร

  • หญิงตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร 
  • ผู้ที่ใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจทุกชนิดไม่ควรทำ EMFACE 
  • ผู้ที่ใส่เหล็กบริเวณใบหน้าไม่ควรทำ EMFACE หรือหากใส่เหล็กบริเวณอื่นๆ ของร่างกายควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ


Emface กับ Ulthera แตกต่างกันอย่างไร



อีกหนึ่งข้อสงสัยของใครหลายคน Emface และ Ulthera ต่างกันอย่างไร Emface และ Ulthera เป็นนวัตกรรมที่ช่วยยกกระชับ คืนความอ่อนเยาว์ให้ผิว โดยไม่ต้องผ่าตัดเหมือนกัน แต่จุดที่แตกต่างกันคือเรื่องของพลังงาน ซึ่งโปรแกรม Emface จะสามารถส่งพลังงานได้ถึง 2 ชนิดพร้อมกัน ทั้งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า HIFES และคลื่นวิทยุความถี่สูง Synchronized RF อีกทั้งพลังงานเหล่านี้ยังสามารถลงลึกไปได้ถึงชั้นกล้ามเนื้อหรือ Muscle Tone ซึ่งเป็นชั้นกล้ามเนื้อมัดใหญ่ที่อยู่ลึกกว่าชั้น SMAS จึงเป็นการยกกระชับและฟื้นฟูโครงสร้างถึงระดับรากฐานของผิว ทำให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน

ในขณะที่เครื่อง Ulthera จะใช้คลื่นเสียงอัลตราซาวด์ชนิดเจาะจง (Focused Ultrasound) เพียงอย่างเดียว และส่งผ่านผิวหนังไปยังชั้นเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อใบหน้า หรือชั้น SMAS ซึ่งก็เป็นชั้นที่แพทย์ใช้ในการศัลยกรรมดึงหน้า จึงให้ผลในเรื่องการยกกระชับ และลดเลือนริ้วรอยได้ ทั้งนี้เพื่อการแก้ปัญหาที่ตรงจุด และได้ผลลัพธ์ที่ดี ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกหัตถการให้เหมาะสมกับปัญหาและสภาพผิว 

ซึ่งที่ AES CLASS CLINIC มีแพทย์ผู้ชำนาญการมากประสบการณ์ที่สามารถให้คำแนะนำ รวมถึงนวัตกรรมสุดทันสมัยหลากหลายชนิดที่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (US-FDA) ที่ช่วยแก้ปัญหาผิวทุกระดับ โดยให้ความสำคัญกับความปลอดภัย และความพึงพอใจในผลลัพธ์เป็นหลัก ผู้ที่สนใจสามารถเข้ามาปรึกษา และประเมินผิวหน้าได้ฟรี !





คำถามที่พบบ่อย

Emface อยู่ได้นานแค่ไหน

Emface มีผลลัพธ์ตั้งแต่หลังการทำครั้งแรก ซึ่งเห็นผลตั้งแต่หลังทำ 20% และเห็นผลชัดเจนใน 1-3 เดือน อยู่ได้นาน 16 เดือน

Emface ทำบ่อยแค่ไหน

เพื่อการกระตุ้นและยกกระชับกับโปรแกรม Emface ควรทำอย่างน้อย 4 ครั้ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน และควรเข้ารับบริการต่อเนื่องทุก ๆ 6 เดือน ไปจนถึง 1 ปี

Emface เจ็บไหม

การทำ Emface จะทำจะรู้สึกอุ่น ๆ เวลาทำ และได้รับเพียงแรงสั่นสะเทือนและการกระตุกของกล้ามเนื้อ คล้ายกับการนวดเบา ๆ บริเวณบนใบหน้า ซึ่งจะไม่ทำให้เจ็บแต่อย่างใด

Emface เหมาะกับใคร

เหมาะสำหรับคนที่ต้องการชะลอวัย ลดความหย่อนคล้อยเพื่อให้ใบหน้ามีความยกกระชับ และต้องการลดเลือนริ้วรอย หรือต้องการสร้างรากฐานให้ผิวเฟิร์มแข็งแรง

Emface ช่วยแก้ไขความหย่อนคล้อยบริเวณไหนได้บ้าง

ช่วยแก้ไขได้ทั่วบริเวณใบหน้า หน้าผาก แก้ม ทั้ง 2 ข้าง บริเวณ Jawline และยังสามารถยกคิ้วให้มีความกระชับได้ด้วย

Tags