โบท็อกซ์ยี่ห้อไหนดี 2024 ของอเมริกา/เกาหลี/เยอรมัน ต่างกันไหม

  • 24/04/2024
  • 1

สำหรับใครที่เพิ่งเข้าวงการฉีดหน้าและกำลังสนใจหัตถการเนรมิตรความงามด้วย โบท็อกซ์อยู่ล่ะก็ พอเริ่มศึกษาไปเรื่อย ๆ อาจจะเกิดข้อสงสัย เนื่องจากในปัจจุบันโบท็อกที่นิยมใช้ในคลินิกต่าง ๆ ก็มักจะมีให้เลือกมากมายไม่ว่าจะเป็นของเกาหลี อเมริกา หรือแม้กระทั่งเยอรมัน แข่งกันแบบดุเด็ดเผ็ดมันส์ ตัวนั้นก็ว่าดี ตัวนี้ก็ว่าโดน แบบนี้สัญชาติไหนกันล่ะที่เหมาะกับเรามากที่สุด!! บทความของเราในวันนี้จะพาทุกคนมาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กัน ว่าโบท็อกซ์คืออะไร โบท็อกซ์กี่วันเห็นผล อย่ารอช้า ตามไปดูสาระดี ๆ เรื่องความงามกันได้เลย ลุย!!

 

ไขข้อสงสัย เลือกโบท็อกซ์ยี่ห้อไหนดี 2024 ?

เป็นที่ทราบโดยทั่วกันว่าในปัจจุบันมีโบท็อกซ์ให้เลือกฉีดเยอะแยะมากมายตามคลินิกต่าง ๆ โดยแต่ละยี่ห้อก็จะมีจุดขายที่แตกต่างกันออกไปในเรื่องของประเทศต้นกำเนิด ความบริสุทธิ์ของตัวยา ยิ่งยี่ห้อไหนที่มีความบริสุทธิ์ของตัวยาสูง ยิ่งจะช่วยลดโอกาสในการดื้อยาลงได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีเรื่องราคาที่แตกต่างกันออกไปตั้งแต่หลักพันต้น ๆ ไปจนถึงหลักหมื่น ซึ่งการจะเลือกโบท๊อกซ์ดี ๆ สักตัวควรพิจารณาดังต่อไปนี้ 

  1. ศึกษาและเปรียบเทียบความแตกต่างของโบท็อกซ์แต่ละยี่ห้อที่สนใจ 
  2. เลือกโบท็อกซ์ให้ตรงกับปัญหาที่ต้องการแก้ เช่น Allergan โบท็อกซ์ของอเมริกาเหมาะสำหรับการแก้ไขริ้วรอยเฉพาะจุด Aestox ของเกาหลีเหมาะสำหรับการฉีดลดกราม ปรับรูปหน้า หรือ Xeomin ของเยอรมันเหมาะสำหรับการฉีดยกกระชับหน้า ลดกราม ลดรูขุมขน เป็นต้น 
  3. ตรวจเช็คอย.ของโบท็อกซ์ยี่ห้อนั้น ๆ ควรได้รับมาตรฐานอย.จากทั้งประเทศกำเนิดและในประเทศไทย
  4. นอกจากเลือกโบท็อกซ์ที่ได้มาตรฐานและตอบโจทย์แล้ว ควรเลือกคลินิกที่ได้รับมาตรฐานและมีใบอนุญาตในการทำหัตถการด้วยนะคะ ที่สำคัญแพทย์หรือสถานพยาบาลนั้น ๆ ควรเปิดกล่องโบท็อกซ์ต่อหน้า และสามารถให้เราตรวจเช็คเลข Lot ที่กล่องและข้างขวดว่าตรงกันหรือไม่เพื่อความมั่นใจว่าเป็นโบท็อกซ์เป็นของแท้

 

โบท็อกซ์ริ้วรอย โบท็อกซ์ กี่วันเห็นผล  

การฉีดโบท็อกซ์เพื่อลดริ้วรอยผิวจะเริ่มตึงและรู้สึกได้ใน 3-5 วันหลังจากฉีด แต่จะสามารถสังเกตเห็นผลลัพธ์ที่แตกต่างอย่างชัดเจนใน 2-4 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับการตอบสนองต่อตัวยาในแต่ละบุคคลว่าเกิดขึ้นเร็วหรือช้า ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแลตนเองหลังฉีดด้วยเช่นกัน หากจุดที่ฉีดมีการโดนความร้อนบ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นจากการอาบน้ำอุ่น การใช้ไดร์ ก็อาจทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของตัวยาเสื่อมสภาพลงและเห็นผลได้น้อยเช่นเดียวกัน

 

เปรียบเทียบโบท็อกซ์แต่ละยี่ห้อ อเมริกา เกาหลี เยอรมัน

โบท็อกซ์อเมริกา กับโบเกาหลี และโบเยอรมัน มีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป ดังนี้

Allergan โบท็อกซ์อเมริกา

โบท็อกซ์อเมริกา แนะนำเป็นตัว Allergan เพราะเป็นโบท็อกซ์แบรนด์แรกที่คิดค้นสารโบทูลินั่มในการลดริ้วรอย อีกทั้งยังได้รับ FDA (อย.) ในการลดริ้วรอยอีกด้วย และยังรับรองถึงความปลอดภัย จึงเป็นยอมรับทั่วโลก เพราะมีความบริสุทธิ์มากถึง 99.5% แถมยังมีโอกาสการดื้อโบท็อกค่อนข้างน้อยมาก ที่สำคัญเห็นผลเร็ว

Nabota ของเกาหลี

โบเกาหลียี่ห้อ Nabota จะเน้นออกฤทธิ์ไว ช่วยในการลดริ้วรอยบริเวณหน้าผาก หางตา หรือรอยย่นระหว่างคิ้ว อีกทั้งยังสามารถนำมาใช้รักษาหรือลดกราม ทำให้ใบหน้ามีความเรียวขึ้น และยังสามารถกระชับหน้าได้ ซึ่ง Nabota เป็นของเกาหลียี่ห้อเดียวที่ผ่านงานวิจัยรับรองจาก อย.อเมริกา U.S.FDA approved (2018) อีกด้วย

Xeomin ของเยอรมัน

แนะนำ Xeomin  โบเยอรมัน โบเจนใหม่ ซึ่งตัวนี้จะช่วยปรับรูปหน้าให้เรียวกระชับ กรอบหน้าชัดขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ เจ้าตัวนี้มีงานวิจัยระดับนานาชาติรับรองว่ามีอาการดื้อต่อท็อกซินต่ำ เพราะเป็นเป็นสูตรปราศจากคอมเพล็กซิ่ง โปรตีน จึงสามารถลดความเสี่ยงอาการดื้อในภายหลัง มีจุดเด่นคือ  ฉีดแล้วมีความเบาสบาย ไม่ตึง ไม่แข็ง เพราะมีความบริสุทธิ์สูง

โบท็อกซ์ Dysport ของอังกฤษ

โบท็อกซ์ริ้วรอยแห่งวัย ช่วยยกกระชับใบหน้า เป็นตัวที่มีการพัฒนาโมเลกุลให้มีขนาดเล็กลง ทำให้ตัวยาสามารถกระจายตัวได้ดี และสามารถแพร่ได้เร็วขึ้น อีกทั้งยังลดโอกาสการดื้อโบท็อกซ์ ที่สำคัญออกฤทธิ์ไว

 

ข้อควรระวังของการฉีดโบท็อกซ์แต่ละยี่ห้อ    

ก่อนการฉีดโบท็อกซ์

  1. งดการใช้ยากลุ่มกรดวิตามิน A, AHA สครับหน้า เป็นเวลา 1-2 วัน 
  2. งดการใช้ยาแก้ปวด ไม่ว่าจะเป็น Brufen หรือ Naproxen เป็นระยะเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ ก่อนฉีด เพื่อลดรอยฟกช้ำที่จะเกิดขึ้นในภายหลัง 
  3. งดแอลกอฮอลล์ก่อนทำการฉีดโบท็อกซ์ 24 ชั่วโมง 
  4. ควรแจ้งให้แพทย์ทราบถึงปัญหาที่ต้องการรักษาอย่างชัดเจนก่อนฉีด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน และสามารถเห็นผลได้อย่างรวมเร็วยิ่งขึ้น

หลังการฉีดโบท็อกซ์

  1. งดนอนราบเป็นระยะเวลา 4 ชั่วโมง
  2. งดการทายาจำพวกกรดวิตามินเอ AHA หรือวิตามินซีเป็นเวลา 24 ชั่วโมง
  3. งดออกกำลังกายหนักเป็นระยะเวลา 4 ชั่วโมงแรก
  4. ไม่ควรเข้าใกล้สิ่งที่ทำให้เกิดความร้อนบริเวณใบหน้า เช่น การใช้ไดร์เป่าผม หรือประกอบอาหารหน้าเตาหลังทำการฉีด เพราะอาจทำให้เบท็อกซ์สลายได้
  5. งดการหรือกดบริเวณที่รักษา เพราะอาจทำให้โบท็อกซ์เคลื่อนที่หรือสลายได้
  6. เคี้ยวหมากฝรั่ง เพื่อให้โบท็อกซ์กระจายตัว และเห็นผลได้อย่างทั่วถึง

สรุปเรื่องโบท็อกซ์ยี่ห้อไหนดีที่สุด

หากถามว่าโบท็อกซ์ยี่ห้อไหนดีที่สุด ขึ้นอยู่กับความต้องการการเลือกจุดเด่นของแต่ละยี่ห้อ และเพื่อให้ได้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน ที่สำคัญให้เลือกที่เหมาะสำหรับฉีดบริเวณ หรือเลือกสำหรับการรักษา และควรให้แพทย์ประเมินการรักษา เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน และเห็นผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

และแน่นอนว่าที่ AES CLASS CLINIC มีแพทย์ผู้ชำนาญการที่สามารถช่วยวางแผนการรักษา และช่วยเพิ่มความมั่นใจในการรักษาได้อย่างตรงจุดแน่นอน! 

 

   สนใจโปรแกรม โบท็อกซ์ แพทย์พร้อมออกแบบการ
รักษาเฉพาะบุคคล

ข้อมูลเพิ่มเติม คลิก! 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโบท็อกยี่ห้อไหนดี

โบท็อกซ์ 50 ยูนิต เยอะไหม 

การฉีดโบท็อกซ์เฉพาะจุด 50 ยูนิต หากเป็นการฉีดเฉพาะจุดจะถือว่าเป็นปริมาณที่กำลังพอดีในการแก้ไขปัญหาโครงหน้าหรือผิวที่หย่อนคล้อยในปริมาณมาก ซึ่งโดยปกติแล้วแพทย์จะไม่ทำการฉีดเฉพาะจุดเกิน 50 ยูนิต เพราะจะทำให้ใบหน้าดูแข็งตึง มองดูไม่เป็นธรรมชาติ

  • บริเวณหน้าผาก ไม่ควรฉีดเกิน 50 ยูนิต 
  • บริเวณกราม ไม่ควรฉีดเกินข้างละ 50 ยูนิต 
  • บริเวณคิ้ว หางตา และแกนจมูก ไม่ควรฉีดเกิน 20 ยูนิต 

Botox 50 units ฉีดตรงไหนได้บ้าง

ปริมาณโบท็อกซ์ 50 ยูนิตสามารถใช้จุดเดียวก็ได้ หรือจะแบ่งกระจายหลายจุดทั่วใบหน้าก็ได้ดังต่อไปนี้ 

  • ลดริ้วรอยบริเวณหางตา 2 ข้าง ใช้ 20 ยูนิต 
  • ลดริ้วรอยหน้าผาก 30-50 ยูนิต 
  • ลิฟกรอบหน้า 50 ยูนิต 
  • สันจมูกกระชับ ดูโด่ง 5-6 ยูนิต 
  • ปีกจมูก 15-20 ยูนิต 
  • ลดกราม 50 ยูนิต 

ฉีดโบท็อกซ์ลดกราม กี่วันเห็นผล

การฉีดโบท็อกซ์ลดกรามจะสามารถสังเกตเห็นความแตกต่างได้ใน 4-6 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับกล้ามเนื้อกรามของแต่ละบุคคล ซึ่งจะมีระยะเวลาเห็นผลที่นานกว่าการฉีดลดริ้วรอยทั่วไป เนื่องจากตัวยาต้องใช้เวลาในการสลายกล้ามเนื้อและยุบตัวลง โดยผลลัพธ์เห็นได้ชัดเจนที่สุดในช่วง 2-3 เดือนถัดมาและสามารถอยู่ได้นาน 5-6 เดือน