สิวหัวช้าง สิวอักเสบ เกิดจากอะไร? สามารถรักษาได้หรือไม่?

  • 30/08/2024
  • 1

สิวหัวช้าง สิวอักเสบ เกิดจากอะไร? สามารถรักษาได้หรือไม่?

สิวหัวช้าง เป็นสิวที่มีขนาดใหญ่ หายยาก ใช้เวลารักษานาน ยิ่งถ้าสิวหัวช้างอักเสบด้วย จะทำให้รู้สึกเจ็บ ปวดระบม และมักจะทำให้เกิดแผลเป็นหลังสิวหาย เพราะฉะนั้นเมื่อเป็นแล้วจึงต้องรีบรักษา แต่จะรักษาได้ด้วยวิธีไหน ไปดูกัน !

สิวหัวช้าง เกิดจากอะไรได้บ้าง ควรรักษาสิวหัวช้างอย่างไรดีถึงจะได้ผล?

สิวหัวช้างเกิดจากการอุดตันของรูขุมขน ที่มีทั้งน้ำมัน เซลล์ผิวที่ตายแล้ว สิ่งสกปรก และแบคทีเรีย P.acnes เข้าไปสะสมอยู่ ทำให้เกิดตุ่มนูนแดง สักพักจะเกิดอาการอักเสบ และมีหนองตามมา ทำให้มีอาการปวดมากขึ้น หากปล่อยไว้เชื้อจะยิ่งลุกลาม ทำให้อาการแย่ลง จึงควรไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาอย่างถูกวิธี

สิวหัวช้าง คืออะไร? 

สิวหัวช้างคือ สิวที่มีลักษณะเป็นตุ่มนูน บวม แดง มีหนองอยู่ข้างใน ขนาดใหญ่กว่าสิวทั่วไป และมีการอักเสบรุนแรงในผิวชั้นลึก ทำให้เนื้อเยื่อถูกทำลายไปด้วย พอสิวหายจึงมีรอยแผลเป็น สิวชนิดนี้อาจจะมีหัวสิวเดียว หรือมีหัวสิวหลายหัวรวมอยู่ด้วยกัน เวลาเป็นจะรู้สึกเจ็บหรือปวดมาก ต้องใช้เวลานานในการรักษา

สาเหตุการเกิดสิวหัวช้างเกิดจากอะไร? 

สิวหัวช้างเกิดจากการอุดตัน ซึ่งมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย ดังนี้

  • ร่างกายผลิตฮอร์โมนแอนโดรเจน (Androgen) มากเกินไป จึงไปกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น เมื่อจับตัวกับเซลล์ผิวที่ตายแล้วหรือสิ่งสกปรกบนผิวหนังจึงทำให้เกิดการอุดตัน
  • แบคทีเรีย C.acne เป็นแบคทีเรียที่พบได้ในรูขุมขน แต่หากมีจำนวนมากก็จะทำให้เกิดการอักเสบ
  • ต่อมไขมันผลิตไขมันออกมามากเกินไป ทำให้ผิวมัน อุดตัน และยังทำให้แบคทีเรีย C.acne เจริญเติบโตได้ดี
  • เซลล์ผิวหนังบริเวณรูขุมขนมีการแบ่งตัวมากเกินไป สะสมกันเป็นชั้นๆ จนเกิดการหนาตัว ขวางกั้นไม่ให้น้ำมันและแบคทีเรียออกมา จึงอุดตันอยู่ใต้ผิว
  • การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดการอุดตัน
  • พฤติกรรมที่ทำให้เกิดสิว เช่น ล้างหน้าไม่สะอาด, ชอบเอามือจับหน้า, เครียด, พักผ่อนไม่เพียงพอ เป็นต้น

สิวหัวช้าง สามารถเกิดบริเวณใดได้บ้าง?

  • สิวหัวช้างที่แก้ม เพราะเป็นตำแหน่งที่คนเรามักจะเอามือไปสัมผัสบ่อยๆ และเป็นจุดที่สัมผัสกับสิ่งสกปรกได้ง่าย เช่น มือถือ ปลอกหมอน
  • สิวหัวช้างที่คาง เกิดจากฮอร์โมน รวมถึงคนที่ชอบนั่งเท้าคาง ลูบคางบ่อยๆ
  • สิวหัวช้างที่หน้าผาก อยู่ในบริเวณ T-Zone ซึ่งเป็นบริเวณที่ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากกว่าส่วนอื่น 
  • สิวหัวช้างที่จมูก อยู่ในบริเวณ T-Zone เช่นเดียวกับหน้าผาก ทำให้ผิวมันง่าย
  • สิวหัวช้างที่หลัง และหน้าอก เป็นจุดที่เหงื่อออกเยอะ ทำให้อับชื้น เกิดการสะสมของแบคทีเรีย 

วิธีรักษาสิวหัวช้าง มีวิธีใดบ้าง?

1. การใช้ยารักษาสิวหัวช้าง

ยาที่ใช้ในการรักษาสิวหัวช้าง เช่น ยากลุ่มเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide), เรตินอยด์ (Retinoids), กรดอะซีลาอิก (Azelaic Acid) ช่วยลดการอุดตัน ลดการอักเสบ บางรายแพทย์อาจจ่ายยาสำหรับรับประทานให้ใช้ควบคู่กันด้วย

2. หัตถการรักษาสิวหัวช้าง

หัตถการที่ช่วยรักษาสิวหัวช้างเร่งด่วนคือ การผ่าตัดและกรีดเอาหนองใต้ผิวออก เพราะในหนองมีแบคทีเรียอยู่ด้วย หากกำจัดออกไป สิวก็จะหายอักเสบ แต่วิธีนี้ไม่ค่อยนิยม เพราะจะมีแผลเป็นจากการกรีด

3. ปรึกษาแพทย์ผิวหนัง

สิวหัวช้างไม่สามารถหายเองได้ แม้แต่การทายาหรือทานยาก็อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้เช่นกัน จึงควรไปพบแพทย์ผิวหนังเพื่อทำการรักษาสิวหัวช้างให้ถูกวิธี จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดแผลเป็นได้

4. ทำเลเซอร์และการบำบัดด้วยแสง

การยิงเลเซอร์ไปบนสิว เป็นการเปิดช่องให้สามารถเอาหัวสิวออกมาได้ ส่วนการใช้แสงบำบัด (Light therapy) คือการฉายแสงไปบนผิว นอกจากจะช่วยลดอาการอักเสบ ทำให้สิวหัวช้างยุบไว ยังช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย และลดการทำงานของต่อมไขมันได้ด้วย

5.เติมยารักษาสิวหัวช้าง

การเติมยาเป็นวิธีรักษาสิวหัวช้างเร่งด่วน โดยใช้คอร์ติโซน (Cortisone) เติมที่สิวโดยตรง เพื่อลดการอักเสบ สิวจะยุบลงภายใน 2-3 วัน แต่ต้องทำโดยแพทย์เฉพาะทางเท่านั้น เพราะหากเติมปริมาณมากเกิน อาจเกิดผลข้างเคียง ผิวเป็นรอยขาวหรือรอยบุ๋ม

วิธีดูแลผิวเพื่อไม่ให้เป็นสิวหัวช้าง

วิธีที่จะช่วยป้องกันสิวหัวช้างได้ดีที่สุดก็คือ การดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งสามารถทำได้ง่ายๆ ดังนี้

ดูแลรักษาความสะอาดใบหน้า

ควรล้างหน้าให้สะอาด วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น โดยใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิว เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นจนต้องผลิตน้ำมันออกมามากขึ้น นอกจากนี้ต้องทำความสะอาดสิ่งของต่างๆ เช่น ปลอกหมอน, ผ้าห่ม, แปรงแต่งหน้า ฯลฯ ให้สะอาดอยู่เสมอด้วย

 

เสริมความแข็งแรงให้ผิว

ผิวที่สุขภาพดี มีความชุ่มชื้น จะผลิตน้ำมันออกมาในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากเกินไป จึงช่วยลดความเสี่ยงที่ผิวจะอุดตัน อีกทั้งปราการผิวที่แข็งแรงยังช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะ เชื้อโรค และการอักเสบ จึงควรเสริมความแข็งแรงให้ผิวด้วยการทามอยเจอร์ไรเซอร์และครีมกันแดดเป็นประจำ ดื่มน้ำให้เพียงพอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นผัก ผลไม้ ที่อุดมไปด้วยวิตามิน และสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยบำรุงผิว 

วิธีรักษาสิวหัวช้าง ให้ไม่เป็นแผลเป็น

 

สิวหัวช้างอักเสบ เมื่อหายแล้วมักจะมีรอยเหลืออยู่ สามารถใช้การเลเซอร์เข้ามาช่วยได้ ที่ AES CLASS CLINIC มีบริการเลเซอร์สิวที่ช่วยแก้ปัญหาสิวหลายรูปแบบ ทั้งการเลเซอร์สิวอุดตัน ที่ช่วยกำจัดสิ่งที่อุดตันในรูขุมขน และการเลเซอร์รอยสิว ที่ช่วยลดรอยแดง รอยดำ และรอยแผลเป็นจากสิว รวมถึงช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวดูสดใสและเรียบเนียนขึ้น ปรึกษาปัญหาผิวฟรี ! แอดไลน์ @aesclassclinic

 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสิวหัวช้าง

ทำยังไงให้สิวหัวช้างยุบเร็ว

ควรใช้ยาทาสิวที่มีส่วนผสมของเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์หรือกรดซาลิไซลิก ทาบริเวณที่เป็นสิวทุกวัน และหลีกเลี่ยงการบีบหรือกดสิวเพื่อป้องกันการติดเชื้อและรอยแผลเป็น นอกจากนี้ยังใช้การประคบน้ำแข็งบริเวณที่เป็นสิวสามารถช่วยลดการอักเสบได้ หรือหากใครที่เป็นเยอะควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับคำแนะนำและทำการรักษาเพิ่มเติม

สิวหัวช้างไม่มีหัว กี่วันหาย

สิวหัวช้างที่ไม่มีหัวอาจใช้เวลาหลายวันถึงหลายสัปดาห์กว่าจะหาย โดยปกติประมาณ 1-2 สัปดาห์ การรักษาที่เหมาะสม เช่น การใช้ยาทาลดการอักเสบและการดูแลผิวอย่างถูกวิธี จะช่วยเร่งกระบวนการหายได้ ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือกดสิวเพื่อป้องกันการอักเสบและการติดเชื้อ

สิวหัวช้างกับฝีต่างกันยังไง

สิวหัวช้างเกิดจากการอุดตันของรูขุมขนและการติดเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดการอักเสบและบวม และมักจะปรากฏบนใบหน้า แผ่นหลัง และหน้าอก ส่วนฝีเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียในเนื้อเยื่อผิวหนังทำให้เกิดการอักเสบลึกและสะสมหนอง ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ทั่วร่างกาย 

แผ่นแปะสิวรักษาสิวหัวช้างได้ไหม

แผ่นแปะสิวสามารถช่วยบรรเทาอาการสิวหัวช้างได้บางส่วน โดยการดูดซับน้ำหนองและลดการอักเสบ แต่ไม่สามารถรักษาสิวหัวช้างได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากสิวหัวช้างมีการอักเสบลึกและต้องทำการรักษา เช่น การใช้ยาทาเฉพาะจุดที่มีส่วนผสมของเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์หรือกรดซาลิไซลิก หรือการใช้ยาปฏิชีวนะที่สั่งโดยแพทย์ เพื่อไม่ให้เกิดการติดเชื้อและการอักเสบได้