เติมวิตามินซี มีกี่แบบ มีผลข้างเคียงไหม ทำกี่ครั้งถึงเห็นผล

  • 30/08/2024
  • 116

เติมวิตามินซี มีกี่แบบ มีผลข้างเคียงไหม ทำกี่ครั้งถึงเห็นผล

วิตามินซี เป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย และยังได้ชื่อว่าเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เนียนสวย กระจ่างใส ดูอ่อนกว่าวัย แต่มนุษย์ไม่สามารถสังเคราะห์วิตามินซีได้เอง จึงต้องได้รับผ่านอาหาร วิตามินเสริม หรืออีกหนึ่งวิธีที่กำลังนิยมกันมาก็คือ การใช้วิตามินซี เติมผิว บทความนี้จึงรวมสิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับการเติมวิตามินซีมาฝาก  วิตามินซี เติมแล้วดีจริงไหม ? มีผลข้างเคียงหรือเปล่า ? และต้องทำกี่ครั้งจึงจะเห็นผล ไปหาคำตอบกัน !

เติมวิตามินผิวดีไหม ก่อนเติมผิวขาวครั้งแรกควรรู้อะไรบ้าง? เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายหลังเติม

การเติมวิตามินผิว เป็นหัตถการที่เหมาะสำหรับคนที่อยากมีผิวขาวกระจ่างใส สุขภาพดี ต้องการฟื้นฟูผิวแบบเร่งด่วน เพราะเป็นวิธีที่เห็นผลเร็วกว่าการทาผลิตภัณฑ์บำรุงต่าง ๆ และให้ผลลัพธ์ที่ค่อนข้างชัดเจน ผิวจะดูเนียนใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ แต่ไม่สามารถเปลี่ยนโทนสีผิวตามกรรมพันธ์ุได้ เช่น หากเดิมเป็นคนผิวแทน ผิวสีน้ำผึ้ง จะไม่สามารถเปลี่ยนสีผิวให้ขาวเหมือนคนผิวขาวได้ แต่ผิวจะดูกระจ่างใส เรียบเนียนขึ้น 

สำหรับใครที่กำลังจะเติมวิตามินซี เติมวิตามินผิวครั้งแรก ควรศึกษาข้อมูล เช่น การเตรียมตัวก่อนเติม การดูแลตัวเองหลังเติม หรือผลข้างเคียงเอาไว้ด้วย เพื่อความปลอดภัย ซึ่งบทความนี้ได้รวบรวมเอาไว้ให้แล้ว เลื่อนลงไปอ่านกันได้เลย

การเติมวิตามินซีคืออะไร?

 

การเติมวิตามินซี หรือ Vitamin C Drip คือการใช้วิตามินซี เติมผิวผ่านทางหลอดเลือด ซึ่งเป็นวิธีที่ร่างกายจะดูดซึมได้ง่าย นำไปใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ โดยอาจจะมีการผสมวิตามินซีธรรมชาติเข้มข้น กับวิตามิน แร่ธาตุ หรือสารอาหารอื่นๆ ในสัดส่วนที่เหมาะสม ตามสูตรของแต่ละคลินิก หรือปัญหาของคนไข้ว่าต้องการเน้นแก้ปัญหาเรื่องอะไร 

รูปแบบของการเติมวิตามินซีมีอะไรบ้าง?

รูปแบบของการเติมวิตามินซี เติมเข้าสู่ร่างกายได้ 3 ทาง คือ

เติมเข้าเส้นเลือด (intravenous) 

เป็นวิธีที่นิยมมากที่สุด โดยจะเติมบริเวณหลังมือ หรือข้อพับแขน และให้วิตามินซีไหลเข้าสู่หลอดเลือดดำผ่านทางสายน้ำเกลือ 

เติมเข้ากล้ามเนื้อ (intramuscular) 

คือการเติมวิตามินเข้าไปที่ชั้นกล้ามเนื้อ เพื่อให้วิตามินค่อยๆ ถูกดูดซึมเข้าไปในกระแสเลือด 

เติมเข้าผิวหนัง (subcutaneous) 

เป็นการเติมวิตามินเข้าไปในชั้นไขมันใต้ผิวหนัง (Subcutaneous Fat) ซึ่งเป็นชั้นที่อยู่ระหว่างชั้นผิวหนังกับชั้นกล้ามเนื้อ นิยมใช้กับบริเวณหน้า หรือที่เรียกว่า การเติมเมโสหน้าใส

ประโยชน์จากการเติมวิตามินซีดีอย่างไร?

วิตามินซี เติมแล้วดีจริงไหม ? วิตามินซีไม่เพียงแต่จะช่วยบำรุงผิวเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายด้วย จึงมีประโยชน์มากมาย ดังนี้

  • ช่วยบำรุงผิวพรรณ ปรับผิวที่หมองคล้ำให้ดูกระจ่างใส
  • ช่วยปกป้องและฟื้นฟูผิวที่ถูกทำร้ายจากแสงแดด มลภาวะ
  • ช่วยลดการผลิตเม็ดสีเมลานิน (Melanin) ทำให้ฝ้า กระ จุดด่างดำจางลง สีผิวสม่ำเสมอ
  • ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ฉ่ำวาว ดูอิ่มน้ำ ไม่แห้งกร้าน
  • ช่วยต่อสู้กับอนุมูลอิสระ ต้นเหตุของการอักเสบ และความเสื่อมโทรมของผิว
  • ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายแข็งแรง
  • ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวแข็งแรง ยืดหยุ่น ดูอ่อนเยาว์
  • ช่วยในการสมานของบาดแผล ทำให้รอยแผล รอยสิวหายไวขึ้น 
  • ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย
  • ช่วยบรรเทาอาการหวัด ภูมิแพ้ หอบหืด ไซนัส
  • ช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็ก ป้องกันการเกิดโรคโลหิตจาง

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการเติมวิตามินซี 

ผลข้างเคียงจากการใช้วิตามินซี เติมผิว มีแค่รอยเข็ม หรือรอยช้ำเล็กน้อยจากการเติม หายได้เองใน 1-2 วัน ส่วนผลข้างเคียงอื่นๆ มีโอกาสเกิดขึ้นได้แต่ค่อนข้างน้อย เช่น บางคนมีอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน แสบร้อนบริเวณกลางอก ผื่นขึ้น หากอาการไม่ดีขึ้น หรือมีอาการแพ้อย่างรุนแรง ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษาโดยด่วน 

นอกจากนี้ต้องระวังผลข้างเคียงจากการเติมวิตามินซี เติมวิตามินผิว ด้วยตัวยาที่ไม่ผ่านการรับรองจาก อย. หรือใช้บริการในคลินิกที่ใส่ใจเรื่องความสะอาดไม่เพียงพอ อาจก่อให้เกิดการปนเปื้อน จนส่งผลให้เกิดการติดเชื้อผ่านอุปกรณ์ที่ใช้ได้ 

ข้อควรรู้เพิ่มเติมกับการเติมวิตามินผิว 

  • การเติมวิตามินซี หรือ Vitamin C Drip ไม่ได้ทำแล้วเห็นผลในทันที ต้องรอให้ร่างกายดูดซึมและนำสารอาหารเหล่านี้ไปฟื้นฟูเซลล์ผิว หลังทำประมาณ 3 วัน จึงจะเริ่มเห็นผลว่าผิวดีขึ้น และจะเห็นผลเต็มที่ประมาณ 7-14 วัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคนด้วย 
  • ผลลัพธ์หลังเติมวิตามินซีไม่ถาวร จะอยู่ได้ประมาณ 1-2 เดือน เพื่อให้ผลลัพธ์ชัดเจนและอยู่ได้นาน ควรทำสัปดาห์ละครั้ง ต่อเนื่อง 3-5 ครั้ง จากนั้นค่อยเว้นระยะห่างเป็น 2 สัปดาห์ครั้ง หรือเดือนละครั้ง
  • การเติมวิตามินซีมากเกินไป หรือบ่อยเกินไป เช่น เติมทุกวัน เพราะอยากเห็นผลเร็วๆ เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะการได้รับวิตามินซีมากเกินไปก็อาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้ เช่น ทำให้เกิดภาวะธาตุเหล็กเกิน หรือเกิดนิ่วในไต เป็นต้น

 การดูแลตัวเองหลังการเติมวิตามินผิว 

  • งดกด บีบนวด เกา หรือถูบริเวณรอยเข็มอย่างรุนแรง หากหลังทำ vitamin c drip มีรอยแดง รอยช้ำ สามารถประคบเย็นเพื่อให้หายไวขึ้น
  • ทาครีมกันแดดที่มี SPF50 PA+++ ขึ้นไปทุกวัน และพยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดดจ้าเป็นเวลานาน
  • ดื่มน้ำมากๆ ลดของมัน ของหวาน ทานอาหารที่มีประโยชน์ จะช่วยเสริมการบำรุงผิว ทำให้ผลลัพธ์คงอยู่ยาวนานขึ้น
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์ เพราะส่งผลเสียต่อผิว ทำให้ผิวหมองคล้ำ ดูโทรม แห้งกร้าน แก่ก่อนวัย

 

สำหรับใครที่สนใจ หรือมีปัญหาผิวที่อยากปรึกษาคุณหมอ AES CLASS CLINIC มีโปรแกรมการรักษา และบริการมากมาย รวมถึงเติมวิตามินซี เติมวิตามินผิว โดยทีมแพทย์เฉพาะทาง และเครื่องมือมาตรฐานระดับ Gold Standard ที่จะช่วยให้คุณรู้สึกมั่นใจและรักตัวเองมากขึ้น มาสัมผัสประสบการณ์การดูแลผิวระดับเอสคลาสได้แล้ววันนี้ที่ AES CLASS CLINIC ทั้ง 18 สาขา แอดไลน์ได้ที่ @aesclassclinic

 

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับวิตามินซี เติมวิตามินผิว

เติมวิตามินซีผิว ช่วยอะไร

การเติมวิตามินซีช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนในผิว ทำให้ผิวดูสดใสและชุ่มชื้นขึ้น นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดเลือนจุดด่างดำและริ้วรอย ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์และสุขภาพดีขึ้น

เติมวิตามินผิว กี่วันเห็นผล

การเติมวิตามินผิวจะเริ่มเห็นผลได้ภายใน 7-14 วันหลังจากการเติมครั้งแรก ผิวจะดูสดใสและชุ่มชื้นขึ้น แต่ผลลัพธ์ที่ชัดเจนอาจต้องทำการเติมต่อเนื่องตามคำแนะนำของแพทย์ประมาณ 1-3 เดือน เพื่อให้ร่างกายสามารถดูดซึมและนำวิตามินไปใช้ได้อย่างเต็มที่

เติมผิวอยู่ได้นานแค่ไหน

การเติมผิวสามารถอยู่ได้ประมาณ 1-3 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลหลังการเติมของแต่ละบุคคล และควรทำการเติมซ้ำตามคำแนะนำของแพทย์และดูแลสุขภาพผิวอย่างสม่ำเสมอ เช่น การดื่มน้ำมาก ๆ การใช้ครีมบำรุงผิว และการป้องกันแสงแดด

วิตามินผิว ขาวขึ้นจริงไหม

วิตามินผิวช่วยให้ผิวดูกระจ่างใส ช่วยลดเลือนจุดด่างดำและรอยหมองคล้ำ แต่ไม่ได้ทำให้ผิวขาวขึ้นหรือเปลี่ยนสีผิวอย่างชัดเจน ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้จะทำให้ผิวดูสุขภาพดีและมีความสดใสมากขึ้น แต่ผลลัพธ์ที่ได้จะขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลและการดูแลผิวอย่างต่อเนื่อง