โปรแกรม Radiesse คืออะไร? รู้จักนวัตกรรมเพิ่มความอ่อนเยาว์ โดยไม่ต้องพึ่งศัลยกรรม

  • 25/02/2025
  • 22

เมื่ออายุเพิ่มขึ้น ผิวของเราจะสูญเสียคอลลาเจน และอีลาสติน ทำให้เกิดริ้วรอย ความหย่อนคล้อย และความไม่กระชับของใบหน้า นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้หลายคนเริ่มมองหาทางเลือกในการฟื้นฟูผิวให้ตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งการศัลยกรรม และโปรแกรม Radiesse คือ หนึ่งในตัวเลือกที่ได้รับความนิยมในการคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิวอย่างเป็นธรรมชาติ เรามาทำความรู้จักกับนวัตกรรมนี้ให้ลึกขึ้น พร้อมทั้งวิธีดูแลตัวเองให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในบทความนี้!

โปรแกรม Radiesse คืออะไร ?

โปรแกรม Radiesse คือ สารเติมเต็มผิว (Dermal Filler) ที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยลดเลือนริ้วรอย ยกกระชับผิว และฟื้นฟูโครงสร้างใบหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น โดยมีคุณสมบัติที่แตกต่างจากฟิลเลอร์ทั่วไป เนื่องจากไม่เพียงแต่เติมเต็มบริเวณที่เกิดการสูญเสียความอ่อนเยาว์ แต่ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนของผิวได้ในระยะยาว ทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน และดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น

ส่วนประกอบหลักของโปรแกรม Radiesse คือ Calcium Hydroxylapatite (CaHA) ซึ่งเป็นสารที่มีโครงสร้างคล้ายกับแร่ธาตุที่พบในกระดูกและฟันของมนุษย์ โดยอนุภาค CaHA นี้จะถูกแขวนลอยอยู่ในเนื้อเจล เมื่อฉีดเข้าสู่ชั้นผิวจะช่วยให้ใบหน้าดูอิ่มฟูขึ้นทันทีและเมื่อเวลาผ่านไป ร่างกายจะค่อยๆ ดูดซึมเจลออก เหลือเพียงอนุภาค CaHA ที่ทำหน้าที่เป็นโครงสร้างรองรับให้ผิวสามารถสร้างคอลลาเจนใหม่ได้เอง

ความแตกต่างระหว่างโปรแกรม Radiesse กับโปรแกรมฟิลเลอร์ทั่วไป

  1. ฟิลเลอร์ทั่วไปมักใช้สารไฮยาลูรอนิกแอซิด (Hyaluronic Acid: HA) ซึ่งสามารถสลายได้ภายใน 6-12 เดือน แต่ โปรแกรม Radiesse สามารถอยู่ได้นานถึง 12-18 เดือน เนื่องจากมีการกระตุ้นคอลลาเจนใหม่ในผิว
  2. ฟิลเลอร์ HA ทำหน้าที่แค่เติมเต็มผิวชั่วคราว แต่โปรแกรม Radiesse ทำงานเชิงโครงสร้าง ช่วยกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจน Type I และ Type III ซึ่งช่วยให้ผิวแข็งแรง และยืดหยุ่นขึ้น
  3. คุณสมบัติของ CaHA ที่มีความหนืด และแข็งแรงมากกว่าสารเติมเต็มทั่วไป โปรแกรม Radiesse จึงเหมาะสำหรับการยกกระชับผิว และปรับรูปหน้า เช่น กรอบหน้า ขมับ และแนวขากรรไกร

หลักการทำงานของโปรแกรม Radiesse

โปรแกรม Radiesse คือ สารเติมเต็มที่ไม่เพียงแต่ช่วยเติมเต็มริ้วรอย เพิ่มความอิ่มฟู แต่ยังช่วยกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนใหม่ โดยอาศัยหลักการทำงาน ดังนี้

1. การเติมเต็มทันทีหลังฉีด (Instant Volume Restoration)

หลังจากฉีดโปรแกรม Radiesse เข้าไปในบริเวณที่ต้องการ เช่น แก้ม ร่องแก้ม ขมับ หรือแนวกรอบหน้า สารเจลที่เป็นตัวพา (Carrier gel) ซึ่งบรรจุอนุภาคแคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทต์ (Calcium Hydroxylapatite – CaHA) จะช่วยเพิ่มปริมาตรให้ผิวดูอิ่มฟูขึ้นทันที ริ้วรอย และร่องลึกจะดูตื้นขึ้น ส่งผลให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้นในเวลาไม่นาน โดยเจลนี้มีคุณสมบัติในการให้ความชุ่มชื้น และยืดหยุ่นกับผิว จึงทำให้บริเวณที่ฉีดดูมีความเรียบเนียนขึ้น ผลลัพธ์ช่วงแรกนี้จะคงอยู่ได้นานประมาณ 1-3 เดือน ก่อนที่เจลจะถูกดูดซึมไปโดยธรรมชาติ

2. การกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน (Collagen Biostimulation Process)

เมื่อร่างกายเริ่มดูดซึมตัวเจลออกไป อนุภาค CaHA ที่เหลืออยู่จะทำหน้าที่เป็นโครงสร้าง (Scaffold) กระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ให้ผลิตคอลลาเจนชนิด Type I และ Type III ขึ้นมาใหม่ ซึ่งคอลลาเจนเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการทำให้ผิวมีความกระชับ ยืดหยุ่น และแข็งแรงขึ้น กระบวนการสร้างคอลลาเจนจะค่อยๆ เกิดขึ้นภายใน 3-6 เดือนหลังฉีด และจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับผิวไปเรื่อยๆ ทำให้ผลลัพธ์ของโปรแกรม Radiesse ดูเป็นธรรมชาติกว่าการใช้โปรแกรมฟิลเลอร์

โปรแกรม Radiesse เหมาะกับใครบ้าง ?

โปรแกรม Radiesse เป็นสารเติมเต็มที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์ กระชับ และมีความยืดหยุ่นมากขึ้น โดยกลุ่มคนที่เหมาะกับการฉีดโปรแกรม Radiesse ได้แก่

1. ผู้ที่มีริ้วรอย และร่องลึกตามวัย

เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะผลิตคอลลาเจนน้อยลง ทำให้ผิวสูญเสียความแน่นกระชับ เกิดร่องลึกบริเวณร่องแก้ม ร่องน้ำหมาก ขมับตอบ หรือใบหน้าดูโทรม โปรแกรม Radiesse สามารถช่วยเติมเต็มร่องลึกเหล่านี้ พร้อมกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ผิวกลับมาเต่งตึงและดูอิ่มฟูขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

2. ผู้ที่ต้องการปรับโครงหน้าให้ดูชัดเจนขึ้น

โปรแกรม Radiesse สามารถใช้เพื่อปรับรูปหน้า เช่น การเติมเต็มแนวกรอบหน้าให้ดูคมชัดขึ้น ช่วยให้คางดูสมดุลขึ้น หรือทำให้ใบหน้าดูสมส่วนมากขึ้น ซึ่งเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเสริมมิติให้ใบหน้าโดยไม่ต้องใช้สารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิกแอซิด

3. ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อย

คนที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยจากอายุที่มากขึ้น หรือจากการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็ว อาจทำให้ใบหน้าดูตอบ และขาดความสดใส โปรแกรม Radiesse สามารถช่วยเติมเต็มบริเวณที่สูญเสียความอิ่มฟู และช่วยยกกระชับผิวโดยการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนของร่างกายเอง

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้โปรแกรม Radiesse จะเป็นหัตถการที่ปลอดภัย แต่ก็ยังมีคนไข้บางกลุ่มที่ควรหลีกเลี่ยงเช่นกัน  ได้แก่

  • หญิงตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ หรือผ่านทางน้ำนมแม่ ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีงานวิจัยที่ยืนยันแน่ชัด ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงการฉีดในช่วงนี้ เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับแม่และเด็ก
  • ผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน หรือเป็นโรคเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน เช่น โรคแพ้ภูมิตัวเอง (autoimmune disease) หรือโรคลูปัส (SLE) เนื่องจากอาจมีความเสี่ยงต่อการเกิดอาการแพ้หรืออักเสบที่รุนแรงกว่าปกติ เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอาจตอบสนองต่อสารที่ฉีดเข้าไปผิดปกติ  นอกจากนี้ คนที่กำลังใช้ยากดภูมิคุ้มกันก็อาจมีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายขึ้นหลังฉีดเช่นกัน
  • ผู้ที่ต้องการเติมเต็มบริเวณริมฝีปากหรือใต้ตา เนื่องจากโปรแกรม Radiesse อาจไม่ใช่สารเติมเต็มที่เหมาะกับทุกบริเวณของใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณใต้ตาและริมฝีปาก เพราะเนื้อเจลของโปรแกรม Radiesse มีความหนืดและแน่นมากกว่าสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิกแอซิด (HA Filler) หากฉีดบริเวณใต้ตาอาจทำให้เกิดอาการบวมเป็นก้อน หรือไม่กระจายตัวอย่างทั่วถึงได้ ส่วนบริเวณริมฝีปาก ซึ่งเป็นบริเวณที่ต้องการความยืดหยุ่นสูง โปรแกรม Radiesse ก็ไม่เหมาะ เพราะอาจทำให้ดูแข็ง ไม่เป็นธรรมชาติและเคลื่อนไหวผิดปกติเมื่อพูดหรือยิ้ม

การดูแลตัวเองหลังฉีดโปรแกรม Radiesse เพื่อผลลัพธ์ที่ดี

แม้ว่าโปรแกรม Radiesse จะเป็นสารเติมเต็มที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติของผิว แต่หากดูแลไม่ถูกต้อง อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง หรือทำให้ประสิทธิภาพของการฉีดลดลง ดังนั้น การปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดจะช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด

1. เลี่ยงการสัมผัส และกดนวดใบหน้าในช่วง 24 ชั่วโมงแรก

ควรหลีกเลี่ยงการกด นวด หรือสัมผัสใบหน้าบริเวณที่ฉีดอย่างรุนแรง เพราะอาจทำทำให้ผลลัพธ์ไม่เป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการใช้นิ้วจับบริเวณที่ฉีด เพื่อลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ

2. หลีกเลี่ยงความร้อนสูง และแสงแดดจัด

ในช่วง 48 ชั่วโมงแรก ควรหลีกเลี่ยง ซาวน่า ห้องอบไอน้ำ การอาบน้ำอุ่นจัด หรือการออกแดดเป็นเวลานาน เพราะความร้อนอาจส่งผลต่อการกระจายตัวของโปรแกรม Radiesse และทำให้เกิดอาการบวมแดงหรืออักเสบมากขึ้น นอกจากนี้ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง (50 ขึ้นไป) และสวมหมวก หรือกางร่มเมื่อต้องออกข้างนอก

3. หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักๆ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีดมาก เช่น ออกกำลังกายหนัก วิ่ง ต่อยมวย หรือโยคะร้อน ในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก เพราะอาจทำให้เกิดอาการบวมและช้ำมากขึ้น นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์และคาเฟอีน เพราะอาจทำให้เส้นเลือดขยายตัว และเพิ่มความเสี่ยงต่ออาการบวม

4. หลีกเลี่ยงการทำทรีทเม้นท์หรือหัตถการที่รุนแรง

ควรหลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์ RF (Radiofrequency) อัลตราซาวด์ HIFU หรือการทำทรีทเม้นท์ที่ใช้พลังงานความร้อนสูงเป็นเวลาอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ เพราะอาจทำให้โปรแกรม Radiesse สลายตัวเร็วขึ้นหรือส่งผลต่อกระบวนการสร้างคอลลาเจนของผิว

5. ดื่มน้ำให้เพียงพอและทานอาหารที่มีประโยชน์

การดื่มน้ำมากๆ จะช่วยให้ผิวชุ่มชื้นและส่งเสริมกระบวนการสร้างคอลลาเจน นอกจากนี้ ควรรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินซี โปรตีน และคอลลาเจนจากธรรมชาติ เช่น ปลาแซลมอน ผักใบเขียว และผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ เพื่อช่วยให้ โปรแกรม Radiesse ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ

จากบทความข้างต้นจะเห็นได้ว่าโปรแกรม Radiesse คือ นวัตกรรมช่วยฟื้นฟูผิวหน้าที่มีข้อดีหลากหลาย และผลลัพธ์ยังอยู่ได้นาน แต่อย่างไรก็ตาม การเลือกฉีดโปรแกรม Radiesse ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้มีความรู้และประสบการณ์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เหมาะสมและมีความปลอดภัย

สนใจ กระตุ้นคอลลาเจน ปรับรูปหน้า ด้วยโปรแกรม Radiesse

ปรึกษาแพทย์ ประเมินผิว และออกแบบการรักษา พร้อมราคาโปรโมชั่น

คลิกปุ่ม Line แล้วพิมพ์ “ RDS ” ได้เลยนะคะ