สิว ปัญหาเล็กๆ ที่ถ้าดูแลไม่ถูกวิธีอาจทำให้กลายเป็นปัญหาใหญ่ได้ หลายคนคงหาวิธีการรักษาสิว ที่ถูกวิธีและได้ผลไว แล้วเราควร รักษาสิว ที่ไหนดี รวมถึงวิธีการหาคลินิกรักษาสิวได้อย่างไรบ้าง วันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาสิวมาให้คุณแล้ว

สิวเป็นปัญหาที่พบได้ทั่วไปในทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะในช่วงวัยรุ่น ซึ่งเป็นผลมาจากหลายปัจจัย สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดสิวนั้นมีหลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น

1. การผลิตน้ำมันส่วนเกิน

ต่อมไขมันในผิวหนังผลิตน้ำมัน (Sebum) ที่ช่วยให่ผิวชุ่มชื้น แต่ถ้าผลิตมากเกินไปจะทำให้ช่องเปิดของรูขุมขนอุดตัน ส่งผลให้เกิดสิวอุดตันขึ้น

2. การติดเชื้อแบคทีเรีย

แบคทีเรียชื่อว่า Propionibacterium acnes จะเติบโตในรูขุมขนที่อุดตัน หากมีการอักเสบเกิดขึ้นอาจทำให้เกิดสิวอักเสบได้

3. การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน

ในช่วงวัยรุ่น ฮอร์โมนเพศที่เรียกว่าแอนโดรเจนจะเพิ่มมากขึ้น ทำให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากขึ้น นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนยังสามารถเกิดขึ้นในช่วงรอบเดือนหรือจากการใช้ยาคุมกำเนิด

4. ปัญหาเกี่ยวกับการดูแลผิว

การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ไม่เหมาะสมหรือการไม่ทำความสะอาดผิวให้สะอาดอาจทำให้เกิดสิวได้ เช่น การใช้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของน้ำมันมากเกินไป

5. อาหารและการใช้ชีวิต

การบริโภคน้ำตาลหรือไขมันสูง อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดการอักเสบ และในบางคนอาหารที่มีนมและผลิตภัณฑ์นมสูงอาจเนื่องจากทำให้เกิดสิวได้ นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงความเครียดที่ส่งผลต่สุขภาพผิวด้วย

และยังมีปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม เช่น ฝุ่น ควัน หรือมลพิษ และการสูบบุหรี่ ก็สามารถมีผลต่อการเกิดสิวได้

ประเภทของสิวมีกี่แบบที่พบได้บ่อย

1. สิวอุดตัน 

   • สิวหัวปิด (Whiteheads) เกิดจากรูขุมขนอุดตันด้วยน้ำมันและเซลล์ผิวตาย มีลักษณะเป็นตุ่มเล็กๆ สีขาวหรือเนื้อ ไม่มีการอักเสบ
   • สิวหัวเปิด (Blackheads) คล้ายสิวหัวปิด แต่รูขุมขนเปิด ทำให้สารที่อุดตันสัมผัสกับอากาศและเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน จึงมีสีดำ

2. สิวอักเสบ 

เป็นสิวที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Propionibacterium acnes มีลักษณะเป็นตุ่มแดง บวม อาจเจ็บเมื่อสัมผัสอาจพัฒนาเป็นสิวหนองหรือสิวหัวช้างได้หากไม่ได้รับการรักษา

1. สิวหนอง 

เป็นสิวอักเสบที่มีหัวหนองสีขาวหรือเหลือง เกิดจากการสะสมของเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ตายแล้ว มักมีขนาดใหญ่กว่าสิวอักเสบธรรมดา และอาจเจ็บปวดมากกว่า

1. สิวหัวช้าง 

   • สิวหัวช้างชนิดโนดูล (Nodules) เป็นก้อนแข็ง กลม ขนาดใหญ่ อักเสบ และเจ็บปวด
   • สิวหัวช้างชนิดซีสต์ (Cysts) คล้ายโนดูล แต่มีของเหลวอยู่ภายใน นุ่มกว่า และอาจมีขนาดใหญ่กว่า
     ทั้งสองชนิดมีความเสี่ยงสูงที่จะทิ้งรอยแผลเป็นหลังหาย

2. สิวผด 

มีลักษณะเป็นตุ่มเล็กๆ สีขาว เกิดจากการสะสมของเคราติน (โปรตีนในผิวหนัง) มักพบบริเวณใบหน้า โดยเฉพาะรอบดวงตาและแก้มไม่อักเสบและไม่เจ็บ แต่อาจต้องใช้เวลานานในการหายเอง

1. สิวอุดตันใต้ผิวหนัง

เป็นสิวขนาดเล็กมากที่อยู่ใต้ผิวหนัง มองเห็นเป็นพื้นผิวขรุขระเล็กน้อย แต่ไม่แดงหรืออักเสบ อาจพัฒนาเป็นสิวชนิดอื่นๆ ได้หากไม่ได้รับการดูแล

แต่ละประเภทของสิวมีสาเหตุ ลักษณะ และวิธีการรักษาที่แตกต่างกัน การระบุประเภทของสิวอย่างถูกต้องจะช่วยให้เลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมได้

1. การรักษาสิวด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ทาสิว

ผลิตภัณฑ์แต้มสิวมักจะมีส่วนผสมที่ช่วยลดการอักเสบและฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เช่น กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) ช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดการอุดตัน, เบนซอยล์เพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของสิว หรือ เรตินอยด์ (Retinoids): ช่วยปรับสภาพผิวและลดการอุดตัน

2. การรักษาสิวด้วยยาทาน

ในกรณีที่สิวมีความรุนแรง  แพทย์อาจแนะนำการใช้ยาสูตรรับประทาน เช่น ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics) ช่วยลดการอักเสบและควบคุมแบคทีเรีย หรือฮอร์โมน (Hormonal Treatments) สำหรับผู้หญิงที่มีปัญหาสิวจากฮอร์โมน สามารถใช้แบบยาคุมกำเนิดที่ช่วยสมดุลฮอร์โมน

3. การรักษาสิวด้วยวิธีทางการแพทย์

เช่นการทำเลเซอร์รอยสิว (Laser Treatments) สามารถช่วยลดรอยดำและความอักเสบของสิวได้ หรือการทำไมโครเดอร์มาเบรชั่น (Microdermabrasion) ช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดรูขุมขนกว้าง

4. การรักษาด้วยวิธีธรรมชาติ

สำหรับคนที่ต้องการหลีกเลี่ยงสารเคมี สามารถลองใช้วิธีธรรมชาติในการรักษาสิว เช่นการใช้น้ำมันทีทรี (Tea Tree Oil) มีคุณสมบัติฆ่าเชื้อ หรือการใช้ขมิ้น (Turmeric) ซึ่งมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ

1. การทำความสะอาดผิวหน้าอย่างถูกวิธี

การทำความสะอาดผิวหน้าคือพื้นฐานสำคัญในการดูแลผิว ควรเลือกใช้คลีนเซอร์ที่มีความอ่อนโยนและเหมาะกับสภาพผิวเรา เพื่อไม่ให้เกิดการระคายเคือง ควรล้างหน้าอย่างน้อยวันละ 2 ครั้งเช้าและเย็น

2. การใช้น้ำผึ้ง

น้ำผึ้งมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียและให้ความชุ่มชื้น ใช้เป็นมาสก์หน้าโดยทาน้ำผึ้งบาง ๆ ทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาทีแล้วล้างออก

3. การหลีกเลี่ยงความเครียด

ความเครียดเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้สิวขึ้น ดังนั้นการหาเวลาผ่อนคลาย เช่น การออกกำลังกาย หรือการทำกิจกรรมที่ชอบ จะช่วยลดความเครียดและลดการเกิดสิว

4. การใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็น Non-comedogenic

เลือกใช้เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่า “Non-comedogenic” ซึ่งหมายความว่าไม่ทำให้เกิดสิว เพื่อช่วยลดโอกาสในการเกิดสิว

การรักษาสิวด้วยตัวยาเป็นอีกวิธีที่นิยม แต่ต้องใช้เวลาและต้องได้รับคำปรึกษาจากแพทย์โดยตรง ซึ่งตัวยาที่นิยมในการรักษาสิวไม่ว่าจะเป็นยาปฏิชีวนะ ช่วยลดการอักเสบและฆ่าแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว เช่น ด็อกซีไซคลิน หรือเตตราไซคลิน หรือยาคุมกำเนิด สำหรับผู้หญิง ช่วยควบคุมฮอร์โมนที่อาจทำให้เกิดสิวได้

ข้อดีของการรักษาสิวด้วยแพทย์นั้นมีหลากหลาย เนื่องจากได้รับคำปรึกษาจากแพทย์และยังได้รับการติดตามรักษาที่ต่อเนื่องด้วย นอกจากนี้ยังมีข้อดีอื่นๆ เช่น

1. การวินิจฉัยที่ถูกต้อง

แพทย์ผิวหนังมีความรู้และประสบการณ์ในการวินิจฉัยประเภทของสิวและสาเหตุที่ทำให้เกิดสิว ซึ่งสามารถช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากที่สุด

2. การรักษาที่หลากหลาย

แพทย์มีวิธีการรักษาที่หลากหลาย เช่น การใช้ยาทา, ยารับประทาน, การทำเลเซอร์, และการทำโปรแกรมบำรุงผิว ซึ่งแต่ละวิธีเหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละคนและประเภทของสิวที่เป็น

3. การติดตามผลการรักษา

แพทย์สามารถติดตามผลการรักษาและปรับเปลี่ยนวิธีการรักษาตามความจำเป็น เพื่อให้ผู้ป่วยมีผิวหน้าที่ดีขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ

อย่างที่กล่าวข้างต้น สิวเป็นปัญหาที่หลายคนต้องเผชิญ การเกิดสิวอาจทำให้เกิดความไม่มั่นใจในตัวเอง ดังนั้นการหาวิธีรักษาสิวเร่งด่วนจึงเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งส่วนใหญ่ก็มีทั้งการเลเซอร์  กดสิว ใช้ยาทา ซึ่งถ้าหากตอบว่ารักษาสิวแบบไหนดีที่สุด ต้องขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลด้วย

รักษาสิวด้วยตนเองได้จริงไหม

การรักษาสิวด้วยตนเองอาจได้ผลในบางกรณี แต่ผลลัพธ์มักแตกต่างไปในแต่ละบุคคล ควรใช้วิธีที่เหมาะสม และในกรณีที่ไม่ได้ผล ควรปรึกษาผู้ชำนาญการที่สามารถให้คำแนะนำที่ถูกต้องและปลอดภัยต่อสุขภาพผิวพรรณของคุณ

สิวไม่หายเป็นปัญหาที่พบได้ทั่วไปในทุกวัย และอาจสร้างความกังวลใจและความไม่มั่นใจให้กับผู้ที่เผชิญปัญหานี้ ในการดูแลรักษาสิว เรามีหลายทางเลือก แต่ถ้าหากวิธีการรักษาด้วยตนเองไม่ได้ผล สามารถเข้ามาปรึกษาที่ AES CLASS CLINIC เราพร้อมดูแลและให้คำปรึกษาโดยแพทย์ผู้ชำนาญการ ซึ่งเรามีเทคโนโลยีและวิธีการรักษาหลายแบบ เช่น การใช้เลเซอร์ทรีทเมนต์ และการรักษาด้วยยาทาผิวที่เหมาะกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล