Emface คืออะไร นวัตกรรมยกกระชับหน้าตัวดัง ที่ลงลึกได้ถึงชั้นกล้ามเนื้อ!

การมีใบหน้าที่เต่งตึง กรอบหน้าชัด ไร้ริ้วรอย เป็นเป้าหมายของใครหลายคน ปัจจุบันมีเทคโนโลยีความงามมากมายที่ช่วยแก้ปัญหาผิวหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่เจ็บตัว Emface คือหนึ่งในตัวเลือกความงามที่น่าสนใจ เนื่องจาก Emface เป็นนวัตกรรมยกกระชับใบหน้าตัวล่าสุด ที่ทำงานลงลึกในระดับชั้นกล้ามเนื้อได้เป็นครั้งแรก

Emface คืออะไร

เครื่องยกกระชับหน้า Emface คือนวัตกรรมใหม่ล่าสุดของการยกกระชับใบหน้า โดยการส่งคลื่นพลังงานประสิทธิภาพสูง (HIFES™ + Synchronized RF) ลงลึกสู่ชั้นกล้ามเนื้อ ทำให้เกิดการหดตัวของกล้ามเนื้ออย่างรวดเร็วเสมือนการออกกำลังกาย และกระตุ้นให้บริเวณชั้นผิวหนังมีการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ส่งผลให้กล้ามเนื้อภายในแข็งแรง ยกกระชับขึ้น ช่วยลดริ้วรอย ร่องลึก และปรับรูปหน้าให้ดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

เครื่องยกกระชับหน้า Emface
ทำงานอย่างไร

อย่างที่เราได้กล่าวไปเครื่องยกกระชับใบหน้า Emface ทำงานโดยการส่งคลื่นพลังงานประสิทธิภาพสูงด้วย 2 เทคโนโลยี คือ HIFES™ และ Synchronized RF โดยแบ่งหน้าที่การทำงานดังนี้

  • HIFES™: เป็นโปรแกรมคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจะส่งพลังงานลงลึกสู่ชั้นกล้ามเนื้อ กระตุ้นให้กล้ามเนื้อเกิดการหดตัวอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้กล้ามเนื้อภายในมีการขยับตัว จากนั้นกล้ามเนื้อจะตอบสนองด้วยการซ่อมแซมและสร้างกล้ามเนื้อใหม่ขึ้นมาทดแทน เสมือนเป็นการออกกำลังกายเวทเทรนนิ่งนั่นเอง
  • Synchronized RF: เป็นโปรแกรมคลื่นวิทยุความถี่สูง ส่งพลังงานลงสู่ชั้นผิว ตั้งแต่ชั้นหนังแท้ไปจนถึงชั้นกล้ามเนื้อ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินเพิ่มขึ้น 2 เท่า ซึ่งเป็นโปรตีนที่ช่วยสร้างความแข็งแรงและความยืดหยุ่นให้กับผิว เป็นเสมือนการผลัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพออกไป เผยผิวใหม่ที่ดูเรียบเนียน กระชับ และอ่อนเยาว์ขึ้น

ชั้นผิวที่ EMFACE สามารถรักษาได้

ก่อนที่เรามาจะมาทำความเข้าใจว่า EMFACE สามารถรักษาผิวชั้นไหนได้ เรามารู้จักกับชั้นผิวของมนุษย์กันก่อน เพื่อให้เข้าใจถึงประสิทธิภาพของเทคโนโลยีนี้มากขึ้น โดยชั้นผิวของคนเราสามารถแบ่งออกเป็น 5 ชั้นหลัก ๆ ได้แก่

  • ผิวหนังชั้นนอก (Epidermis): ชั้นบนสุดที่ปกป้องผิวจากสภาพแวดล้อมภายนอก
  • ชั้นหนังแท้ (Dermis): ชั้นคอลลาเจน และ อีลาสติน ที่มีรากขน เส้นประสาท และต่อมไขมัน
  • ชั้นไขมัน (Subcutaneous Fat): ชั้นที่ช่วยในการรักษาอุณหภูมิของร่างกายและทำหน้าที่เป็นแผ่นดูดซับแรงกระแทก
  • ชั้นเนื้อเยื่อ (SMAS): ชั้นที่สนับสนุนโครงสร้างของใบหน้า มีโครงสร้างเป็นเนื้อเยื่อสำหรับห่อหุ้มกล้ามเนื้อ
  • ชั้นกล้ามเนื้อ (Muscle): ชั้นลึกสุดที่เป็นฐานรากของผิว ช่วยควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ
การทำงานของ EMFACE สามารถเข้าไปรักษาผิวที่บริเวณชั้นกล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นชั้นลึกที่สุดของผิวหน้า โดยเป็นการรักษาที่เฉพาะเจาะจง ที่ไม่เคยมีนวัตกรรมใดทำได้ลึกถึงชั้นนี้มาก่อน ทำให้ชั้นกล้ามเนื้อมีสุขภาพที่แข็งแรง ส่งเสริมให้ผิวชั้นบนอื่น ๆ เช่น SMAS, ชั้นไขมัน, ชั้นหนังแท้ และผิวหนังชั้นนอกมีสุขภาพดีตามเช่นกัน ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ EMFACE สามารถปรับปรุงคุณภาพผิวให้สมบูรณ์ในทุก ๆ ชั้นได้
 

Emface ช่วยในเรื่องอะไร

  • ยกกระชับผิวหน้า ลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อ (MUSCLE TONE) ช่วยลดริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย ให้ใบหน้าดูกระชับ
  • การสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินเพิ่มขึ้น 2 เท่านี้ จะช่วยให้ผิวแข็งแรง ยืดหยุ่น เรียบเนียน
  • ลดเลือนริ้วรอย ทั้งริ้วรอยตื้น ริ้วรอยลึก ทั่วใบหน้าไม่ว่าจะเป็นหน้าผาก ร่องแก้ม กรอบหน้า คาง ซึ่งโดยเฉพาะบริเวณร่องแก้มและหน้าแก้มที่หลังทำจะเห็นได้ชัดเลยว่าลดลงและกระชับขึ้น
  • ปรับรูปหน้า ยกแก้ม กระชับคาง ช่วยให้เหนียงลดลง ปรับรูปหน้าให้เรียวและมีกรอบหน้าที่ชัดมากขึ้น


ผลลัพธ์ที่ได้จากการทำ EMFACE

จากการศึกษาโดยศูนย์วิจัยชั้นนำ 15 แห่งในสหรัฐอเมริกา พร้อมทั้งการวิเคราะห์จาก 9 กรณีศึกษาทางคลินิก ที่ผู้ทดลองกว่า 3,000 ราย ได้เผยให้เห็นถึงผลลัพธ์ที่น่าสนใจจากการทำ EMFACE ดังนี้

  • เพิ่มความเฟิร์มกล้ามให้มีวอลลุ่มเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 30%
  • ริ้วรอยบนใบหน้าลดลงโดยเฉลี่ย 37%
  • เพิ่มความหนาแน่นของกล้ามเนื้อบริเวณที่ทำ 19%
  • คอลลาเจนบริเวณที่ทำเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 26%
  • อีลาสตินให้ผิวหน้าสุขภาพดีเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 2 เท่า
  • ผิวยกกระชับเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 23%
  • ความหนาแน่นกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าหน้าเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 19%
  • ปรับสีผิวให้เรียบเนียนขึ้นโดยเฉลี่ย 25%
  • ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 16 เดือน

Emface ราคาโปรโมชั่น 2024 อัปเดตที่ AES CLASS CLINIC

AES CLASS CLINIC มีการอัปเดตแพ็กเกจ Emface ราคาสุดคุ้มเป็นประจำ ลูกค้าสามารถเลือกแพ็กเกจการทำ Emface ราคาที่เหมาะสมกับปัญหาผิวและผลลัพธ์ที่ต้องการได้เลย

Emface

ที่ AES CLASS Clinic (เอสคลาสคลินิก)

ปรึกษาฟรี! พร้อมออกแบบการรักษาที่เหมาะกับคุณ

เพียงเพิ่มเพื่อนผ่านไลน์ และพิมพ์ “Emface”

Emface ทำบริเวณไหนบ้าง

  • บริเวณหน้าผาก ช่วยให้คิ้วยกขึ้น ช่วยลดริ้วรอยบริเวณหน้าผาก
  • บริเวณกรอบหน้า (Jawline) ช่วยให้กรอบหน้าชัด น่ามองมากยิ่งขึ้น
  • บริเวณแก้ม ช่วยให้แก้มยกกระชับ ช่วยลดร่องแก้ม ลดเหนียง
  • บริเวณคิ้ว ช่วยทำให้คิ้วยก
  • ริ้วรอยทั่วทั้งใบหน้า ช่วยให้ริ้วรอยลดลง

Emface มีขั้นตอนอะไร

ขั้นตอนในการยกกระชับใบหน้าด้วย Emface จะใช้เวลาเพียง 20-30 นาทีเท่านั้น มีขั้นตอนการทำดังนี้

  1. แพทย์ประเมินผิวและออกแบบการรักษา เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตรงกับปัญหาผิวของคุณ
  2. พนักงานทำความสะอาดผิวให้คนไข้
  3. แพทย์ทำการรักษา โดยใช้เวลารักษาทั่วใบหน้าประมาณ 20-30 นาที (ขณะทำคนไข้จะรู้สึกอุ่นๆ และมีการกระตุกของเครื่องมือบริเวณที่ทำ โดยที่ไม่รู้สึกเจ็บและไม่ต้องทายาชาก่อนทำ)
  4. หลังรักษาเสร็จ พนักงานทำความสะอาดผิวและลงผลิตภัณฑ์บำรุงผิวให้คนไข้

ขณะที่ทำ Emface รู้สึกอย่างไร เจ็บไหม

ขณะทำ Emface คุณจะรู้สึกอุ่น ๆ บริเวณที่ทำ และรู้สึกถึงการกระตุกของเครื่องมือ รวมถึงรู้สึกว่ากล้ามเนื้อตึงตัวขึ้นตามจังหวะการปล่อยพลังงาน แต่จะไม่มีอาการเจ็บหรือรอยแผลใดๆ ที่ผิวชั้นนอก และผิวอาจมีสีชมพูระเรื่อจากการส่งพลังงานเข้าไปกระชับชั้นกล้ามเนื้อใบหน้า

เครื่องยกกระชับหน้า Emface เหมาะกับช่วงอายุเท่าไหร่

ในส่วนของช่วงอายุที่เหมาะสมในการทำ Emface ด้วยเครื่องยกกระชับใบหน้านั้น สามารถทำได้ตั้งแต่อายุ 25 ปีขึ้นไป เพราะช่วงอายุ 25 ปีเป็นช่วงเริ่มต้นของปัญหาริ้วรอยและผิวหย่อนคล้อย จากทั้งปัจจัยภายในอย่างกราฟคอลลาเจนที่เริ่มตกลงทุกปี และปัจจัยภายนอกต่างๆ เช่น มลภาวะ แสงแดด และพักผ่อนไม่เพียงพอ ซึ่งล้วนส่งผลต่อความเสื่อมของผิวพรรณโดยเฉพาะบริเวณใบหน้า

Emface เหมาะกับใคร

EMFACE นวัตกรรมในการดูแลผิวหน้าที่ตอบโจทย์สำหรับ 3 กลุ่มช่วงวัย ที่มีปัญหาผิวดังนี้

ผู้ที่อายุน้อยกว่า 35 ปี

  • ริ้วรอยเริ่มมา
  • ร่องแก้มเริ่มชัด
  • โครงหน้าเริ่มเปลี่ยน
  • กรอบหน้าเริ่มไม่ชัด ไม่มีมิติ

ผู้ที่อยู่ในช่วงอายุ 35-55 ปี

  • เป็นช่วงวัยที่ริ้วรอยเริ่มมากขึ้น
  • เห็นร่องแก้มชัดขึ้น
  • เริ่มมีกระเปาะแก้ม
  • หางตาเริ่มตก
  • โครงใบหน้าเริ่มเปลี่ยน
  • มีเหนียงที่ชัด

ผู้ที่มีอายุมากกว่า 55 ปี

  • ผิวหน้าหย่อนคล้อยแบบเห็นได้ชัด
  • มีริ้วรอยมากขึ้น
  • ร่องแก้มลึก
  • เห็นกระเปาะแก้มชัดเจน
  • หางตาตก
  • โครงใบหน้าเปลี่ยนชัดเจน
  • มีเหนียงที่ชัด

นอกจากช่วงวัยต่าง ๆ แล้วยังเหมาะกับ กลุ่มคนดังต่อไปนี้

  • ผู้ที่อยากหน้าเด็ก หน้ายกกระชับขึ้น โดยไม่ต้องเจ็บตัว
  • ผู้ที่อยากดูดีขึ้น โดยไม่ต้องพักฟื้น
  • ผู้ที่ต้องการชะลอวัย และมีผิวสวยสุขภาพดีตั้งแต่โครงสร้างชั้นผิว คือ ชั้นกล้ามเนื้อใบหน้า

Emface ไม่เหมาะกับใคร

ใครบ้างที่ไม่เหมาะกับการทำ Emface มีอยู่ด้วยกันดังนี้

  • ผู้ที่ใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจทุกชนิดไม่ควรทำ EMFACE
  • ผู้ที่ใส่เหล็กบริเวณใบหน้าไม่ควรทำ EMFACE หรือหากใส่เหล็กบริเวณอื่นๆ ของร่างกายควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ

สิ่งที่ควรรู้ก่อนทำ Emface

แม้การทำ Emface ตัวเครื่องจะได้รับการรับรองจาก FDA สหรัฐอเมริกาว่ามีความปลอดภัย แต่ก็ควรทำกับแพทย์ผู้ชำนาญการที่มีประสบการณ์ ผ่านอบรมการทำ Emface มาแล้ว เนื่องจากผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพต้องอาศัยความชำนาญด้านการวิเคราะห์กายวิภาคศาสตร์ของใบหน้า เพื่อวางจุดแปะเครื่องมือได้ถูกจุดชั้นกล้ามเนื้อของแต่ละบุคคล

การดูแลตัวเองหลังทำ Emface

โดยทั่วไปแล้วหลังทำ Emface จะไม่ต้องดูแลอะไรมาก เพราะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติได้เลย และจะรู้สึกผิวเต่งตึง กระชับขึ้นในทันที เพียงแต่บางรายหลังทำผิวหน้าอาจมีอาการแดงเล็กน้อยเนื่องจากผิวหนังได้รับความร้อนจากพลังงานของ Emface แต่อาการนี้จะหายไปเองภายใน 24 ชั่วโมง

Emface ต้องทำกี่ครั้ง
ถึงจะเห็นผล

หลังทำ Emface จะรู้สึกถึงผลลัพธ์ที่ดีขึ้นตั้งแต่หลังทำ ไม่ว่าจะผิวหน้าจะยกกระชับขึ้น กรอบหน้าชัดขึ้น ริ้วรอยลดเลือนลง ผิวหน้าดูอ่อนกว่าวัยขึ้น แต่หากต้องเห็นผลลัพธ์ที่ชัดมากขึ้น ควรทำ 4 ครั้งขึ้นไป หรือขึ้นอยู่กับคำแนะนำของแพทย์

โปรแกรม Emface ทำร่วมกับโปรแกรมฟิลเลอร์ได้หรือไม่

การรักษาด้วยโปรแกรม Emface สามารถรักษาร่วมกับโปรแกรมฟิลเลอร์ได้ เพียงแต่แนะนำให้ทำ Emface ก่อนเพื่อเสริมความแข็งแรงให้กับชั้นกล้ามเนื้อใต้ผิวหนังอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ผิวพรรณกระชับก่อนการเติมโปรแกรมฟิลเลอร์เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แต่หากมีการเติมโปรแกรมฟิลเลอร์มาก่อนแล้ว ควรรอให้ผ่านไปอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ แล้วค่อยทำการรักษาด้วย Emface เพื่อให้ผิวมีเวลาฟื้นตัวอย่างเต็มที่

นอกจากนี้ EMFACE ยังเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่มีอาการดื้อ Toxin หรือเติม Toxin รวมถึงผู้ที่ต้องการลดการเติมโปรแกรมฟิลเลอร์และโบท็อกซ์ให้น้อยลง เพื่อผลลัพธ์ที่ดูธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

Emface กับ Ulthera ต่างกันอย่างไร แบบไหนดีกว่ากัน

ปัจจุบันทั้ง Emface vs Ultherapy หรือ Ulthera เป็นโปรแกรมยกกระชับใบหน้าที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ซึ่งทั้งสองเครื่องมือสามารถทำควบคู่กันได้เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น หรือจะเลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้เช่นกัน โดยทั้ง 2 เครื่องมือมีความแตกต่างกัน ดังนี้


Emface

หลักการทำงาน : นวัตกรรมการยกกระชับที่ผสมผสานเทคโนโลยี HIFES และ Synchronized RF ในการดูแลรักษาผิวหน้าแบบ 2 in 1 ซึ่งจะช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อในการยกกระชับผิว และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนกับอีลาสตินตั้งแต่ชั้นโครงสร้างผิว
เหมาะกับใคร : ผู้ที่อายุ 25 ปีขึ้นไป ต้องการยกกระชับผิวแบบไม่เจ็บตัว มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ต้องการสร้างรากฐานผิวให้เฟิร์มแข็งแรง
ผลลัพธ์ : ผิวยกกระชับเฟิร์มขึ้น ริ้วรอยลดเลือนลง ผิวเรียบเนียนขึ้น และกระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสตินให้ผิวแข็งแรงขึ้นทุกๆ ชั้นผิว


Ulthera

หลักการทำงาน : นวัตกรรมการยกกระชับผิว ที่ใช้คลื่นอัลตราซาวด์ชนิดเจาะจง (Focused Ultrasound) เปลี่ยนเป็นจุดความร้อนแนวยาวในระดับลึกของผิวหนังในชั้นกล้ามเนื้อส่วนบน (SMAS) ซึ่งช่วยยกกระชับผิว
เหมาะกับใคร : ผู้ที่อายุ 25 ปีขึ้นไป มีผิวหน้าหย่อนคล้อย กรอบหน้าไม่ชัด
ผลลัพธ์ : ช่วยให้ผิวยก ลดเหนียง กรอบหน้าชัด ปรับผิวให้เรียบเนียน

Emface กับ Ulthera แบบไหนดีกว่ากัน ? ก่อนเลือกใช้บริการหัตถการความงามไม่ว่าจะเป็น Emface Ulthera หรือตัวอื่น ๆ แนะนำให้ศึกษาข้อมูลที่ถูกต้องก่อน เพื่อเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการให้แพทย์ประเมิน และเลือกหัตถการที่เหมาะสมกับปัญหาผิวของคนไข้ในการออกแบบการรักษาให้การรักษาได้รับผลลัพธ์อย่างเหมาะสมที่สุด

รวม Emface Reviews
จากลูกค้าที่ไว้วางใจ

จากลูกค้าที่เคยทำ Emface รีวิวส่วนใหญ่ต่างรู้สึกพึงพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้ โดยพบว่าผิวหน้าดูกระชับเรียบเนียนขึ้น ริ้วรอยลดลง ใบหน้าดูอ่อนเยาว์โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น

รวมรีวิว Emface Before And After กับ AES CLASS CLINIC

เลือกทำ Emface ที่ไหนดี ต้องพิจารณาอะไรบ้าง

การจะตัดสินใจเลือกทำ Emface ที่ไหนดีนั้น อาจไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับใครหลายคน เพราะมีหลายคลินิกหลายแห่งให้เลือก โดยแต่ละแห่งต่างมีจุดเด่นที่น่าสนใจคล้าย ๆ กัน แต่สำหรับ AES CLASS CLINIC เราให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาผิวที่คนไข้กังวล และมอบผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจให้กับผู้มาใช้บริการเป็นหลัก

คลินิกมีประสบการณ์และน่าเชื่อถือ

ประสบการณ์และชื่อเสียงความน่าเชื่อถือของคลินิกเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกที่เราควรพิจารณา เพราะจะช่วยยืนยันคุณภาพของผลลัพธ์และความปลอดภัยได้ นอกจากนี้ควรเลือกคลินิกที่มีแพทย์ผู้ชำนาญการและมีประสบการณ์ในการทำ Emface รวมถึงคลินิกควรมีเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ทันสมัย พร้อมได้รับการรับรองมาตรฐานคลินิกจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจ

ก่อนตัดสินใจทำ Emface เราควรตรวจสอบว่าคลินิกที่ทำ Emface มีที่ไหนบ้าง จากนั้นทำการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับคลินิกและเทคนิคการทำ Emface ให้ดี เพื่อประกอบการตัดสินใจ เราควรอ่านรีวิวจากลูกค้าที่เคยทำมาก่อน เพื่อดูว่าผลลัพธ์เป็นอย่างไร และมีข้อดี-ข้อเสียอย่างไรบ้าง

ปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการ

สิ่งสำคัญที่สุดคือ คลินิกแห่งนั้นต้องการมีแพทย์ผู้ชำนาญการ เพราะไม่ว่าจะเลือกใช้บริการอะไร ควรปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการ เพื่อประเมินสภาพใบหน้าและสามารถแนะนำเทคนิคที่เหมาะสมกับเรามากที่สุด โดยแพทย์แพทย์ผู้ชำนาญการจะเป็นผู้ประเมินสภาพใบหน้าของเราว่ามีปัญหาอะไรบ้าง และควรใช้เทคนิคไหนหรือต้องทำกี่ครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ยกกระชับระดับเอสคลาส ที่ AES CLASS CLINIC พร้อมดูแลคุณทั้งรักสวยและรักษาดูแลผิวพรรณ ให้คุณรักตัวเองอย่างมั่นใจขึ้น ด้วยแพทย์เปี่ยมประสบการณ์ และเครื่องมือมาตรฐานระดับ Gold Standard ปรึกษาปัญหาผิวฟรี! ได้ที่ LINE

คำถามที่พบบ่อย
เกี่ยวกับการทำ Emface

  • Emface เจ็บไหม

    ขณะทำ Emface คุณจะรู้สึกสบายผิว สำหรับบางคนอาจจะรู้สึกว่ากล้ามเนื้อตึงตัวขึ้นขณะทำ โดยแพทย์ผู้ทำการรักษาจะคอยสังเกตอาการของคุณอยู่ตลอดเวลา หากรู้สึกเจ็บหรือรู้สึกไม่สบายตัว สามารถแจ้งให้แพทย์ได้ทันที แพทย์จะปรับระดับพลังงานให้เหมาะสมเพื่อให้คุณรู้สึกสบายมากที่สุด

  • Emface ต้องทำกี่ครั้งเห็นผล

    โดยทั่วไปจะแนะนำให้ทำ Emface 3-4 ครั้งต่อคอร์ส โดยแต่ละครั้งจะห่างกันประมาณ 1 สัปดาห์ ผลลัพธ์จะเริ่มเห็นได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ แต่จะเห็นผลชัดเจนมากขึ้นหลังทำครบคอร์ส ผิวจะกระชับขึ้น ริ้วรอยลดลง ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

  • Emface ต้องทำโดยแพทย์หรือไม่

    Emface เป็นเทคโนโลยีการยกกระชับใบหน้าที่มีความปลอดภัย แต่ควรทำโดยแพทย์ผู้ชำนาญการที่มีประสบการณ์ เพราะแพทย์จะสามารถวางตำแหน่งแผ่นแปะของ Emface ได้อย่างถูกต้อง และสัมพันธ์กับการทำงานของกล้ามเนื้อ Zygomaticus major, Zygomaticus minor, และ Risorius ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อที่ช่วยในการยกหน้าขึ้น และช่วยในการยิ้มส่งผลให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด หากทำโดยบุคคลที่ไม่ใช่แพทย์อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ เช่น อาการบาดเจ็บที่ผิวหนังหรือกล้ามเนื้อ

  • ทำ Emface มีผลข้างเคียงหรือไม่

    การทำ Emface ไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ เนื่องจากมีความปลอดภัย แต่บางรายอาจจะมีรอยแดงเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้นและจะหายได้เองภายใน 24 ชั่วโมง ที่สำคัญการทำ Emface เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ไม่ต้องการผ่าตัด และไม่มีเวลาพักฟื้น ทำให้เป็นอีกหนึ่งหัตถการที่ได้รับความนิยมที่สุดในเวลานี้

  • Emface อยู่ได้นานแค่ไหน

    หลังทำ 4 ครั้ง ผลลัพธ์ของ Emface จะอยู่ได้นานประมาณ 16 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลตัวเองของแต่ละบุคคล หากต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนานขึ้น อาจต้องทำซ้ำทุก ๆ ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์

  • Emface สามารถทำร่วมกับโปรแกรมฟิลเลอร์ได้ไหม

    Emface และโปรแกรมฟิลเลอร์ รวมถึงโบท็อกซ์สามารถนำมาทำร่วมกันได้ เพราะต่างเป็นตัวช่วยในการยกกระชับใบหน้าที่มีประสิทธิภาพ แต่ทั้งนี้ไม่ใช่ทุกคนจะจำเป็นต้องทำร่วมกัน ซึ่งแพทย์จะพิจารณาถึงความเหมาะสมของแต่ละบุคคลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

  • Emface แก้ปัญหาความหย่อนคล้อยชั้นไหนบ้าง

    การทำ Emface สามารถแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยได้ลึกโดยเฉพาะชั้นกล้ามเนื้อ MUSCLE เนื่องจากเป็นชั้นกล้ามเนื้อที่ลึกที่สุดของผิวหนัง ทำหน้าที่พยุงโครงสร้างใบหน้าและผิวหนังไว้ไม่ให้หย่อนคล้อย เมื่ออายุมากขึ้น ชั้น MUSCLE จะเสื่อมสภาพลง ส่งผลให้ผิวหย่อนคล้อย เกิดริ้วรอย ร่องลึก และใบหน้าดูไม่กระชับ การทำ Emface จึงเข้ามาช่วยในเรื่องนี้โดยตรง

  • Emface สามารถทำได้ทุกจุดบนใบหน้าไหม

    เครื่องยกกระชับ Emface สามารถรักษาได้ทุกจุดบนใบหน้า ซึ่งจุดหลัก ๆ ที่นิยมในการทำการรักษาคือ บริเวณหน้าผาก, บริเวณกรอบหน้า บริเวณแก้ม บริเวณคิ้ว และริ้วรอยทั่วทั้งใบหน้า เป็นต้น เมื่อทำ Emface ผลลัพธ์ที่ได้จะมากกว่าแค่การยกผิว แต่เป็นการเสมือนการออกกำลังกาย ที่ทำให้ใบหน้าและผิวพรรณมีความแข็งแรงเฟิร์มกระชับขึ้นอีกด้วย

  • ปัญหาผิวแบบไหนควรทำ Emface

    สำหรับการทำ Emface เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ ซึ่งสามารถแบ่งได้ตามช่วงอายุดังนี้

    • อายุน้อยกว่า 35 ปี ที่เริ่มมีริ้วรอย ร่องแก้มเริ่มมา กรอบหน้าเริ่มไม่ชัด โครงหน้าเริ่มเปลี่ยน
    • อายุ 35-55 ปี มีริ้วรอยมากขึ้น ร่องแก้มเห็นชัด หางตาตก มีเหนียง และมีกระเปาะแก้ม
    • อายุมากกว่า 55 ปี ผิวหน้าหย่อนคล้อย ริ้วรอยมาก โครงหน้าเปลี่ยนชัดเจน และมีเหนียง

    สรุปได้ว่าการทำ Emface สามารถเฟิร์ม ฟื้น และฟูผิวหน้า ให้ผิวแข็งแรงยกกระชับและสุขภาพดีขึ้นในทุกๆ ชั้นผิว

  • Emface กับ Ulthera ต่างกันยังไง

    Emface และ Ulthera เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวหน้า แบบไม่ต้องผ่าตัดที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน โดยทั้ง 2 จะต่างกันที่เทคโนโลยีที่ใช้ ซึ่ง Emface ใช้เทคโนโลยี HIFES™ และ Synchronized RF สำหรับเฟิร์มผิว ส่วน Ulthera ใช้คลื่น Focused ultrasound สำหรับยกผิว

Emface คืออะไร นวัตกรรมยกกระชับหน้าตัวดัง ที่ลงลึกได้ถึงชั้นกล้ามเนื้อ!

การมีใบหน้าที่เต่งตึง กรอบหน้าชัด ไร้ริ้วรอย เป็นเป้าหมายของใครหลายคน ปัจจุบันมีเทคโนโลยีความงามมากมายที่ช่วยแก้ปัญหาผิวหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่เจ็บตัว Emface คือหนึ่งในตัวเลือกความงามที่น่าสนใจ เนื่องจาก Emface เป็นนวัตกรรมยกกระชับใบหน้าตัวล่าสุด ที่ทำงานลงลึกในระดับชั้นกล้ามเนื้อได้เป็นครั้งแรก

Emface คืออะไร

เครื่องยกกระชับหน้า Emface คือนวัตกรรมใหม่ล่าสุดของการยกกระชับใบหน้า โดยการส่งคลื่นพลังงานประสิทธิภาพสูง (HIFES™ + Synchronized RF) ลงลึกสู่ชั้นกล้ามเนื้อ ทำให้เกิดการหดตัวของกล้ามเนื้ออย่างรวดเร็วเสมือนการออกกำลังกาย และกระตุ้นให้บริเวณชั้นผิวหนังมีการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ส่งผลให้กล้ามเนื้อภายในแข็งแรง ยกกระชับขึ้น ช่วยลดริ้วรอย ร่องลึก และปรับรูปหน้าให้ดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

เครื่องยกกระชับหน้า Emface
ทำงานอย่างไร

อย่างที่เราได้กล่าวไปเครื่องยกกระชับใบหน้า Emface ทำงานโดยการส่งคลื่นพลังงานประสิทธิภาพสูงด้วย 2 เทคโนโลยี คือ HIFES™ และ Synchronized RF โดยแบ่งหน้าที่การทำงานดังนี้

  • HIFES™: เป็นโปรแกรมคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจะส่งพลังงานลงลึกสู่ชั้นกล้ามเนื้อ กระตุ้นให้กล้ามเนื้อเกิดการหดตัวอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้กล้ามเนื้อภายในมีการขยับตัว จากนั้นกล้ามเนื้อจะตอบสนองด้วยการซ่อมแซมและสร้างกล้ามเนื้อใหม่ขึ้นมาทดแทน เสมือนเป็นการออกกำลังกายเวทเทรนนิ่งนั่นเอง
  • Synchronized RF: เป็นโปรแกรมคลื่นวิทยุความถี่สูง ส่งพลังงานลงสู่ชั้นผิว ตั้งแต่ชั้นหนังแท้ไปจนถึงชั้นกล้ามเนื้อ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินเพิ่มขึ้น 2 เท่า ซึ่งเป็นโปรตีนที่ช่วยสร้างความแข็งแรงและความยืดหยุ่นให้กับผิว เป็นเสมือนการผลัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพออกไป เผยผิวใหม่ที่ดูเรียบเนียน กระชับ และอ่อนเยาว์ขึ้น

ชั้นผิวที่ EMFACE สามารถรักษาได้

ก่อนที่เรามาจะมาทำความเข้าใจว่า EMFACE สามารถรักษาผิวชั้นไหนได้ เรามารู้จักกับชั้นผิวของมนุษย์กันก่อน เพื่อให้เข้าใจถึงประสิทธิภาพของเทคโนโลยีนี้มากขึ้น โดยชั้นผิวของคนเราสามารถแบ่งออกเป็น 5 ชั้นหลัก ๆ ได้แก่

  • ผิวหนังชั้นนอก (Epidermis): ชั้นบนสุดที่ปกป้องผิวจากสภาพแวดล้อมภายนอก
  • ชั้นหนังแท้ (Dermis): ชั้นคอลลาเจน และ อีลาสติน ที่มีรากขน เส้นประสาท และต่อมไขมัน
  • ชั้นไขมัน (Subcutaneous Fat): ชั้นที่ช่วยในการรักษาอุณหภูมิของร่างกายและทำหน้าที่เป็นแผ่นดูดซับแรงกระแทก
  • ชั้นเนื้อเยื่อ (SMAS): ชั้นที่สนับสนุนโครงสร้างของใบหน้า มีโครงสร้างเป็นเนื้อเยื่อสำหรับห่อหุ้มกล้ามเนื้อ
  • ชั้นกล้ามเนื้อ (Muscle): ชั้นลึกสุดที่เป็นฐานรากของผิว ช่วยควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ
การทำงานของ EMFACE สามารถเข้าไปรักษาผิวที่บริเวณชั้นกล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นชั้นลึกที่สุดของผิวหน้า โดยเป็นการรักษาที่เฉพาะเจาะจง ที่ไม่เคยมีนวัตกรรมใดทำได้ลึกถึงชั้นนี้มาก่อน ทำให้ชั้นกล้ามเนื้อมีสุขภาพที่แข็งแรง ส่งเสริมให้ผิวชั้นบนอื่น ๆ เช่น SMAS, ชั้นไขมัน, ชั้นหนังแท้ และผิวหนังชั้นนอกมีสุขภาพดีตามเช่นกัน ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ EMFACE สามารถปรับปรุงคุณภาพผิวให้สมบูรณ์ในทุก ๆ ชั้นได้
 

Emface ช่วยในเรื่องอะไร

  • ยกกระชับผิวหน้า ลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อ (MUSCLE TONE) ช่วยลดริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย ให้ใบหน้าดูกระชับ
  • การสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินเพิ่มขึ้น 2 เท่านี้ จะช่วยให้ผิวแข็งแรง ยืดหยุ่น เรียบเนียน
  • ลดเลือนริ้วรอย ทั้งริ้วรอยตื้น ริ้วรอยลึก ทั่วใบหน้าไม่ว่าจะเป็นหน้าผาก ร่องแก้ม กรอบหน้า คาง ซึ่งโดยเฉพาะบริเวณร่องแก้มและหน้าแก้มที่หลังทำจะเห็นได้ชัดเลยว่าลดลงและกระชับขึ้น
  • ปรับรูปหน้า ยกแก้ม กระชับคาง ช่วยให้เหนียงลดลง ปรับรูปหน้าให้เรียวและมีกรอบหน้าที่ชัดมากขึ้น


ผลลัพธ์ที่ได้จากการทำ EMFACE

จากการศึกษาโดยศูนย์วิจัยชั้นนำ 15 แห่งในสหรัฐอเมริกา พร้อมทั้งการวิเคราะห์จาก 9 กรณีศึกษาทางคลินิก ที่ผู้ทดลองกว่า 3,000 ราย ได้เผยให้เห็นถึงผลลัพธ์ที่น่าสนใจจากการทำ EMFACE ดังนี้

  • เพิ่มความเฟิร์มกล้ามให้มีวอลลุ่มเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 30%
  • ริ้วรอยบนใบหน้าลดลงโดยเฉลี่ย 37%
  • เพิ่มความหนาแน่นของกล้ามเนื้อบริเวณที่ทำ 19%
  • คอลลาเจนบริเวณที่ทำเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 26%
  • อีลาสตินให้ผิวหน้าสุขภาพดีเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 2 เท่า
  • ผิวยกกระชับเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 23%
  • ความหนาแน่นกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าหน้าเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 19%
  • ปรับสีผิวให้เรียบเนียนขึ้นโดยเฉลี่ย 25%
  • ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 16 เดือน

Emface ราคาโปรโมชั่น 2024 อัปเดตที่ AES CLASS CLINIC

AES CLASS CLINIC มีการอัปเดตแพ็กเกจ Emface ราคาสุดคุ้มเป็นประจำ ลูกค้าสามารถเลือกแพ็กเกจการทำ Emface ราคาที่เหมาะสมกับปัญหาผิวและผลลัพธ์ที่ต้องการได้เลย

Emface

ที่ AES CLASS Clinic (เอสคลาสคลินิก)

ปรึกษาฟรี! พร้อมออกแบบการรักษาที่เหมาะกับคุณ

เพียงเพิ่มเพื่อนผ่านไลน์ และพิมพ์ “Emface”

Emface ทำบริเวณไหนบ้าง

  • บริเวณหน้าผาก ช่วยให้คิ้วยกขึ้น ช่วยลดริ้วรอยบริเวณหน้าผาก
  • บริเวณกรอบหน้า (Jawline) ช่วยให้กรอบหน้าชัด น่ามองมากยิ่งขึ้น
  • บริเวณแก้ม ช่วยให้แก้มยกกระชับ ช่วยลดร่องแก้ม ลดเหนียง
  • บริเวณคิ้ว ช่วยทำให้คิ้วยก
  • ริ้วรอยทั่วทั้งใบหน้า ช่วยให้ริ้วรอยลดลง

Emface มีขั้นตอนอะไร

ขั้นตอนในการยกกระชับใบหน้าด้วย Emface จะใช้เวลาเพียง 20-30 นาทีเท่านั้น มีขั้นตอนการทำดังนี้

  1. แพทย์ประเมินผิวและออกแบบการรักษา เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตรงกับปัญหาผิวของคุณ
  2. พนักงานทำความสะอาดผิวให้คนไข้
  3. แพทย์ทำการรักษา โดยใช้เวลารักษาทั่วใบหน้าประมาณ 20-30 นาที (ขณะทำคนไข้จะรู้สึกอุ่นๆ และมีการกระตุกของเครื่องมือบริเวณที่ทำ โดยที่ไม่รู้สึกเจ็บและไม่ต้องทายาชาก่อนทำ)
  4. หลังรักษาเสร็จ พนักงานทำความสะอาดผิวและลงผลิตภัณฑ์บำรุงผิวให้คนไข้

ขณะที่ทำ Emface รู้สึกอย่างไร เจ็บไหม

ขณะทำ Emface คุณจะรู้สึกอุ่น ๆ บริเวณที่ทำ และรู้สึกถึงการกระตุกของเครื่องมือ รวมถึงรู้สึกว่ากล้ามเนื้อตึงตัวขึ้นตามจังหวะการปล่อยพลังงาน แต่จะไม่มีอาการเจ็บหรือรอยแผลใดๆ ที่ผิวชั้นนอก และผิวอาจมีสีชมพูระเรื่อจากการส่งพลังงานเข้าไปกระชับชั้นกล้ามเนื้อใบหน้า

เครื่องยกกระชับหน้า Emface เหมาะกับช่วงอายุเท่าไหร่

ในส่วนของช่วงอายุที่เหมาะสมในการทำ Emface ด้วยเครื่องยกกระชับใบหน้านั้น สามารถทำได้ตั้งแต่อายุ 25 ปีขึ้นไป เพราะช่วงอายุ 25 ปีเป็นช่วงเริ่มต้นของปัญหาริ้วรอยและผิวหย่อนคล้อย จากทั้งปัจจัยภายในอย่างกราฟคอลลาเจนที่เริ่มตกลงทุกปี และปัจจัยภายนอกต่างๆ เช่น มลภาวะ แสงแดด และพักผ่อนไม่เพียงพอ ซึ่งล้วนส่งผลต่อความเสื่อมของผิวพรรณโดยเฉพาะบริเวณใบหน้า

Emface เหมาะกับใคร

EMFACE นวัตกรรมในการดูแลผิวหน้าที่ตอบโจทย์สำหรับ 3 กลุ่มช่วงวัย ที่มีปัญหาผิวดังนี้

ผู้ที่อายุน้อยกว่า 35 ปี

  • ริ้วรอยเริ่มมา
  • ร่องแก้มเริ่มชัด
  • โครงหน้าเริ่มเปลี่ยน
  • กรอบหน้าเริ่มไม่ชัด ไม่มีมิติ

ผู้ที่อยู่ในช่วงอายุ 35-55 ปี

  • เป็นช่วงวัยที่ริ้วรอยเริ่มมากขึ้น
  • เห็นร่องแก้มชัดขึ้น
  • เริ่มมีกระเปาะแก้ม
  • หางตาเริ่มตก
  • โครงใบหน้าเริ่มเปลี่ยน
  • มีเหนียงที่ชัด

ผู้ที่มีอายุมากกว่า 55 ปี

  • ผิวหน้าหย่อนคล้อยแบบเห็นได้ชัด
  • มีริ้วรอยมากขึ้น
  • ร่องแก้มลึก
  • เห็นกระเปาะแก้มชัดเจน
  • หางตาตก
  • โครงใบหน้าเปลี่ยนชัดเจน
  • มีเหนียงที่ชัด

นอกจากช่วงวัยต่าง ๆ แล้วยังเหมาะกับ กลุ่มคนดังต่อไปนี้

  • ผู้ที่อยากหน้าเด็ก หน้ายกกระชับขึ้น โดยไม่ต้องเจ็บตัว
  • ผู้ที่อยากดูดีขึ้น โดยไม่ต้องพักฟื้น
  • ผู้ที่ต้องการชะลอวัย และมีผิวสวยสุขภาพดีตั้งแต่โครงสร้างชั้นผิว คือ ชั้นกล้ามเนื้อใบหน้า

Emface ไม่เหมาะกับใคร

ใครบ้างที่ไม่เหมาะกับการทำ Emface มีอยู่ด้วยกันดังนี้

  • ผู้ที่ใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจทุกชนิดไม่ควรทำ EMFACE
  • ผู้ที่ใส่เหล็กบริเวณใบหน้าไม่ควรทำ EMFACE หรือหากใส่เหล็กบริเวณอื่นๆ ของร่างกายควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ

สิ่งที่ควรรู้ก่อนทำ Emface

แม้การทำ Emface ตัวเครื่องจะได้รับการรับรองจาก FDA สหรัฐอเมริกาว่ามีความปลอดภัย แต่ก็ควรทำกับแพทย์ผู้ชำนาญการที่มีประสบการณ์ ผ่านอบรมการทำ Emface มาแล้ว เนื่องจากผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพต้องอาศัยความชำนาญด้านการวิเคราะห์กายวิภาคศาสตร์ของใบหน้า เพื่อวางจุดแปะเครื่องมือได้ถูกจุดชั้นกล้ามเนื้อของแต่ละบุคคล

การดูแลตัวเองหลังทำ Emface

โดยทั่วไปแล้วหลังทำ Emface จะไม่ต้องดูแลอะไรมาก เพราะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติได้เลย และจะรู้สึกผิวเต่งตึง กระชับขึ้นในทันที เพียงแต่บางรายหลังทำผิวหน้าอาจมีอาการแดงเล็กน้อยเนื่องจากผิวหนังได้รับความร้อนจากพลังงานของ Emface แต่อาการนี้จะหายไปเองภายใน 24 ชั่วโมง

Emface ต้องทำกี่ครั้ง
ถึงจะเห็นผล

หลังทำ Emface จะรู้สึกถึงผลลัพธ์ที่ดีขึ้นตั้งแต่หลังทำ ไม่ว่าจะผิวหน้าจะยกกระชับขึ้น กรอบหน้าชัดขึ้น ริ้วรอยลดเลือนลง ผิวหน้าดูอ่อนกว่าวัยขึ้น แต่หากต้องเห็นผลลัพธ์ที่ชัดมากขึ้น ควรทำ 4 ครั้งขึ้นไป หรือขึ้นอยู่กับคำแนะนำของแพทย์

โปรแกรม Emface ทำร่วมกับโปรแกรมฟิลเลอร์ได้หรือไม่

การรักษาด้วยโปรแกรม Emface สามารถรักษาร่วมกับโปรแกรมฟิลเลอร์ได้ เพียงแต่แนะนำให้ทำ Emface ก่อนเพื่อเสริมความแข็งแรงให้กับชั้นกล้ามเนื้อใต้ผิวหนังอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ผิวพรรณกระชับก่อนการเติมโปรแกรมฟิลเลอร์เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แต่หากมีการเติมโปรแกรมฟิลเลอร์มาก่อนแล้ว ควรรอให้ผ่านไปอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ แล้วค่อยทำการรักษาด้วย Emface เพื่อให้ผิวมีเวลาฟื้นตัวอย่างเต็มที่

นอกจากนี้ EMFACE ยังเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่มีอาการดื้อ Toxin หรือเติม Toxin รวมถึงผู้ที่ต้องการลดการเติมโปรแกรมฟิลเลอร์และโบท็อกซ์ให้น้อยลง เพื่อผลลัพธ์ที่ดูธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

Emface กับ Ulthera ต่างกันอย่างไร แบบไหนดีกว่ากัน

ปัจจุบันทั้ง Emface vs Ultherapy หรือ Ulthera เป็นโปรแกรมยกกระชับใบหน้าที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ซึ่งทั้งสองเครื่องมือสามารถทำควบคู่กันได้เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น หรือจะเลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้เช่นกัน โดยทั้ง 2 เครื่องมือมีความแตกต่างกัน ดังนี้


Emface

หลักการทำงาน : นวัตกรรมการยกกระชับที่ผสมผสานเทคโนโลยี HIFES และ Synchronized RF ในการดูแลรักษาผิวหน้าแบบ 2 in 1 ซึ่งจะช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อในการยกกระชับผิว และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนกับอีลาสตินตั้งแต่ชั้นโครงสร้างผิว
เหมาะกับใคร : ผู้ที่อายุ 25 ปีขึ้นไป ต้องการยกกระชับผิวแบบไม่เจ็บตัว มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ต้องการสร้างรากฐานผิวให้เฟิร์มแข็งแรง
ผลลัพธ์ : ผิวยกกระชับเฟิร์มขึ้น ริ้วรอยลดเลือนลง ผิวเรียบเนียนขึ้น และกระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสตินให้ผิวแข็งแรงขึ้นทุกๆ ชั้นผิว


Ulthera

หลักการทำงาน : นวัตกรรมการยกกระชับผิว ที่ใช้คลื่นอัลตราซาวด์ชนิดเจาะจง (Focused Ultrasound) เปลี่ยนเป็นจุดความร้อนแนวยาวในระดับลึกของผิวหนังในชั้นกล้ามเนื้อส่วนบน (SMAS) ซึ่งช่วยยกกระชับผิว
เหมาะกับใคร : ผู้ที่อายุ 25 ปีขึ้นไป มีผิวหน้าหย่อนคล้อย กรอบหน้าไม่ชัด
ผลลัพธ์ : ช่วยให้ผิวยก ลดเหนียง กรอบหน้าชัด ปรับผิวให้เรียบเนียน

Emface กับ Ulthera แบบไหนดีกว่ากัน ? ก่อนเลือกใช้บริการหัตถการความงามไม่ว่าจะเป็น Emface Ulthera หรือตัวอื่น ๆ แนะนำให้ศึกษาข้อมูลที่ถูกต้องก่อน เพื่อเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการให้แพทย์ประเมิน และเลือกหัตถการที่เหมาะสมกับปัญหาผิวของคนไข้ในการออกแบบการรักษาให้การรักษาได้รับผลลัพธ์อย่างเหมาะสมที่สุด

รวม Emface Reviews
จากลูกค้าที่ไว้วางใจ

จากลูกค้าที่เคยทำ Emface รีวิวส่วนใหญ่ต่างรู้สึกพึงพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้ โดยพบว่าผิวหน้าดูกระชับเรียบเนียนขึ้น ริ้วรอยลดลง ใบหน้าดูอ่อนเยาว์โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น

รวมรีวิว Emface Before And After กับ AES CLASS CLINIC

เลือกทำ Emface ที่ไหนดี ต้องพิจารณาอะไรบ้าง

การจะตัดสินใจเลือกทำ Emface ที่ไหนดีนั้น อาจไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับใครหลายคน เพราะมีหลายคลินิกหลายแห่งให้เลือก โดยแต่ละแห่งต่างมีจุดเด่นที่น่าสนใจคล้าย ๆ กัน แต่สำหรับ AES CLASS CLINIC เราให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาผิวที่คนไข้กังวล และมอบผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจให้กับผู้มาใช้บริการเป็นหลัก

คลินิกมีประสบการณ์และน่าเชื่อถือ

ประสบการณ์และชื่อเสียงความน่าเชื่อถือของคลินิกเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกที่เราควรพิจารณา เพราะจะช่วยยืนยันคุณภาพของผลลัพธ์และความปลอดภัยได้ นอกจากนี้ควรเลือกคลินิกที่มีแพทย์ผู้ชำนาญการและมีประสบการณ์ในการทำ Emface รวมถึงคลินิกควรมีเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ทันสมัย พร้อมได้รับการรับรองมาตรฐานคลินิกจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจ

ก่อนตัดสินใจทำ Emface เราควรตรวจสอบว่าคลินิกที่ทำ Emface มีที่ไหนบ้าง จากนั้นทำการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับคลินิกและเทคนิคการทำ Emface ให้ดี เพื่อประกอบการตัดสินใจ เราควรอ่านรีวิวจากลูกค้าที่เคยทำมาก่อน เพื่อดูว่าผลลัพธ์เป็นอย่างไร และมีข้อดี-ข้อเสียอย่างไรบ้าง

ปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการ

สิ่งสำคัญที่สุดคือ คลินิกแห่งนั้นต้องการมีแพทย์ผู้ชำนาญการ เพราะไม่ว่าจะเลือกใช้บริการอะไร ควรปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการ เพื่อประเมินสภาพใบหน้าและสามารถแนะนำเทคนิคที่เหมาะสมกับเรามากที่สุด โดยแพทย์แพทย์ผู้ชำนาญการจะเป็นผู้ประเมินสภาพใบหน้าของเราว่ามีปัญหาอะไรบ้าง และควรใช้เทคนิคไหนหรือต้องทำกี่ครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ยกกระชับระดับเอสคลาส ที่ AES CLASS CLINIC พร้อมดูแลคุณทั้งรักสวยและรักษาดูแลผิวพรรณ ให้คุณรักตัวเองอย่างมั่นใจขึ้น ด้วยแพทย์เปี่ยมประสบการณ์ และเครื่องมือมาตรฐานระดับ Gold Standard ปรึกษาปัญหาผิวฟรี! ได้ที่ LINE

คำถามที่พบบ่อย
เกี่ยวกับการทำ Emface

  • Emface เจ็บไหม

    ขณะทำ Emface คุณจะรู้สึกสบายผิว สำหรับบางคนอาจจะรู้สึกว่ากล้ามเนื้อตึงตัวขึ้นขณะทำ โดยแพทย์ผู้ทำการรักษาจะคอยสังเกตอาการของคุณอยู่ตลอดเวลา หากรู้สึกเจ็บหรือรู้สึกไม่สบายตัว สามารถแจ้งให้แพทย์ได้ทันที แพทย์จะปรับระดับพลังงานให้เหมาะสมเพื่อให้คุณรู้สึกสบายมากที่สุด

  • Emface ต้องทำกี่ครั้งเห็นผล

    โดยทั่วไปจะแนะนำให้ทำ Emface 3-4 ครั้งต่อคอร์ส โดยแต่ละครั้งจะห่างกันประมาณ 1 สัปดาห์ ผลลัพธ์จะเริ่มเห็นได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ แต่จะเห็นผลชัดเจนมากขึ้นหลังทำครบคอร์ส ผิวจะกระชับขึ้น ริ้วรอยลดลง ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

  • Emface ต้องทำโดยแพทย์หรือไม่

    Emface เป็นเทคโนโลยีการยกกระชับใบหน้าที่มีความปลอดภัย แต่ควรทำโดยแพทย์ผู้ชำนาญการที่มีประสบการณ์ เพราะแพทย์จะสามารถวางตำแหน่งแผ่นแปะของ Emface ได้อย่างถูกต้อง และสัมพันธ์กับการทำงานของกล้ามเนื้อ Zygomaticus major, Zygomaticus minor, และ Risorius ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อที่ช่วยในการยกหน้าขึ้น และช่วยในการยิ้มส่งผลให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด หากทำโดยบุคคลที่ไม่ใช่แพทย์อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ เช่น อาการบาดเจ็บที่ผิวหนังหรือกล้ามเนื้อ

  • ทำ Emface มีผลข้างเคียงหรือไม่

    การทำ Emface ไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ เนื่องจากมีความปลอดภัย แต่บางรายอาจจะมีรอยแดงเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้นและจะหายได้เองภายใน 24 ชั่วโมง ที่สำคัญการทำ Emface เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ไม่ต้องการผ่าตัด และไม่มีเวลาพักฟื้น ทำให้เป็นอีกหนึ่งหัตถการที่ได้รับความนิยมที่สุดในเวลานี้

  • Emface อยู่ได้นานแค่ไหน

    หลังทำ 4 ครั้ง ผลลัพธ์ของ Emface จะอยู่ได้นานประมาณ 16 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลตัวเองของแต่ละบุคคล หากต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนานขึ้น อาจต้องทำซ้ำทุก ๆ ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์

  • Emface สามารถทำร่วมกับโปรแกรมฟิลเลอร์ได้ไหม

    Emface และโปรแกรมฟิลเลอร์ รวมถึงโบท็อกซ์สามารถนำมาทำร่วมกันได้ เพราะต่างเป็นตัวช่วยในการยกกระชับใบหน้าที่มีประสิทธิภาพ แต่ทั้งนี้ไม่ใช่ทุกคนจะจำเป็นต้องทำร่วมกัน ซึ่งแพทย์จะพิจารณาถึงความเหมาะสมของแต่ละบุคคลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

  • Emface แก้ปัญหาความหย่อนคล้อยชั้นไหนบ้าง

    การทำ Emface สามารถแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยได้ลึกโดยเฉพาะชั้นกล้ามเนื้อ MUSCLE เนื่องจากเป็นชั้นกล้ามเนื้อที่ลึกที่สุดของผิวหนัง ทำหน้าที่พยุงโครงสร้างใบหน้าและผิวหนังไว้ไม่ให้หย่อนคล้อย เมื่ออายุมากขึ้น ชั้น MUSCLE จะเสื่อมสภาพลง ส่งผลให้ผิวหย่อนคล้อย เกิดริ้วรอย ร่องลึก และใบหน้าดูไม่กระชับ การทำ Emface จึงเข้ามาช่วยในเรื่องนี้โดยตรง

  • Emface สามารถทำได้ทุกจุดบนใบหน้าไหม

    เครื่องยกกระชับ Emface สามารถรักษาได้ทุกจุดบนใบหน้า ซึ่งจุดหลัก ๆ ที่นิยมในการทำการรักษาคือ บริเวณหน้าผาก, บริเวณกรอบหน้า บริเวณแก้ม บริเวณคิ้ว และริ้วรอยทั่วทั้งใบหน้า เป็นต้น เมื่อทำ Emface ผลลัพธ์ที่ได้จะมากกว่าแค่การยกผิว แต่เป็นการเสมือนการออกกำลังกาย ที่ทำให้ใบหน้าและผิวพรรณมีความแข็งแรงเฟิร์มกระชับขึ้นอีกด้วย

  • ปัญหาผิวแบบไหนควรทำ Emface

    สำหรับการทำ Emface เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ ซึ่งสามารถแบ่งได้ตามช่วงอายุดังนี้

    • อายุน้อยกว่า 35 ปี ที่เริ่มมีริ้วรอย ร่องแก้มเริ่มมา กรอบหน้าเริ่มไม่ชัด โครงหน้าเริ่มเปลี่ยน
    • อายุ 35-55 ปี มีริ้วรอยมากขึ้น ร่องแก้มเห็นชัด หางตาตก มีเหนียง และมีกระเปาะแก้ม
    • อายุมากกว่า 55 ปี ผิวหน้าหย่อนคล้อย ริ้วรอยมาก โครงหน้าเปลี่ยนชัดเจน และมีเหนียง

    สรุปได้ว่าการทำ Emface สามารถเฟิร์ม ฟื้น และฟูผิวหน้า ให้ผิวแข็งแรงยกกระชับและสุขภาพดีขึ้นในทุกๆ ชั้นผิว

  • Emface กับ Ulthera ต่างกันยังไง

    Emface และ Ulthera เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวหน้า แบบไม่ต้องผ่าตัดที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน โดยทั้ง 2 จะต่างกันที่เทคโนโลยีที่ใช้ ซึ่ง Emface ใช้เทคโนโลยี HIFES™ และ Synchronized RF สำหรับเฟิร์มผิว ส่วน Ulthera ใช้คลื่น Focused ultrasound สำหรับยกผิว

Emface คืออะไร นวัตกรรมยกกระชับหน้าตัวดัง ที่ลงลึกได้ถึงชั้นกล้ามเนื้อ!

การมีใบหน้าที่เต่งตึง กรอบหน้าชัด ไร้ริ้วรอย เป็นเป้าหมายของใครหลายคน ปัจจุบันมีเทคโนโลยีความงามมากมายที่ช่วยแก้ปัญหาผิวหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่เจ็บตัว Emface คือหนึ่งในตัวเลือกความงามที่น่าสนใจ เนื่องจาก Emface เป็นนวัตกรรมยกกระชับใบหน้าตัวล่าสุด ที่ทำงานลงลึกในระดับชั้นกล้ามเนื้อได้เป็นครั้งแรก

Emface คืออะไร

เครื่องยกกระชับหน้า Emface คือนวัตกรรมใหม่ล่าสุดของการยกกระชับใบหน้า โดยการส่งคลื่นพลังงานประสิทธิภาพสูง (HIFES™ + Synchronized RF) ลงลึกสู่ชั้นกล้ามเนื้อ ทำให้เกิดการหดตัวของกล้ามเนื้ออย่างรวดเร็วเสมือนการออกกำลังกาย และกระตุ้นให้บริเวณชั้นผิวหนังมีการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ ส่งผลให้กล้ามเนื้อภายในแข็งแรง ยกกระชับขึ้น ช่วยลดริ้วรอย ร่องลึก และปรับรูปหน้าให้ดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

เครื่องยกกระชับหน้า Emface
ทำงานอย่างไร

อย่างที่เราได้กล่าวไปเครื่องยกกระชับใบหน้า Emface ทำงานโดยการส่งคลื่นพลังงานประสิทธิภาพสูงด้วย 2 เทคโนโลยี คือ HIFES™ และ Synchronized RF โดยแบ่งหน้าที่การทำงานดังนี้

  • HIFES™: เป็นโปรแกรมคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจะส่งพลังงานลงลึกสู่ชั้นกล้ามเนื้อ กระตุ้นให้กล้ามเนื้อเกิดการหดตัวอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้กล้ามเนื้อภายในมีการขยับตัว จากนั้นกล้ามเนื้อจะตอบสนองด้วยการซ่อมแซมและสร้างกล้ามเนื้อใหม่ขึ้นมาทดแทน เสมือนเป็นการออกกำลังกายเวทเทรนนิ่งนั่นเอง
  • Synchronized RF: เป็นโปรแกรมคลื่นวิทยุความถี่สูง ส่งพลังงานลงสู่ชั้นผิว ตั้งแต่ชั้นหนังแท้ไปจนถึงชั้นกล้ามเนื้อ กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินเพิ่มขึ้น 2 เท่า ซึ่งเป็นโปรตีนที่ช่วยสร้างความแข็งแรงและความยืดหยุ่นให้กับผิว เป็นเสมือนการผลัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพออกไป เผยผิวใหม่ที่ดูเรียบเนียน กระชับ และอ่อนเยาว์ขึ้น

ชั้นผิวที่ EMFACE สามารถรักษาได้

ก่อนที่เรามาจะมาทำความเข้าใจว่า EMFACE สามารถรักษาผิวชั้นไหนได้ เรามารู้จักกับชั้นผิวของมนุษย์กันก่อน เพื่อให้เข้าใจถึงประสิทธิภาพของเทคโนโลยีนี้มากขึ้น โดยชั้นผิวของคนเราสามารถแบ่งออกเป็น 5 ชั้นหลัก ๆ ได้แก่

  • ผิวหนังชั้นนอก (Epidermis): ชั้นบนสุดที่ปกป้องผิวจากสภาพแวดล้อมภายนอก
  • ชั้นหนังแท้ (Dermis): ชั้นคอลลาเจน และ อีลาสติน ที่มีรากขน เส้นประสาท และต่อมไขมัน
  • ชั้นไขมัน (Subcutaneous Fat): ชั้นที่ช่วยในการรักษาอุณหภูมิของร่างกายและทำหน้าที่เป็นแผ่นดูดซับแรงกระแทก
  • ชั้นเนื้อเยื่อ (SMAS): ชั้นที่สนับสนุนโครงสร้างของใบหน้า มีโครงสร้างเป็นเนื้อเยื่อสำหรับห่อหุ้มกล้ามเนื้อ
  • ชั้นกล้ามเนื้อ (Muscle): ชั้นลึกสุดที่เป็นฐานรากของผิว ช่วยควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ
การทำงานของ EMFACE สามารถเข้าไปรักษาผิวที่บริเวณชั้นกล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นชั้นลึกที่สุดของผิวหน้า โดยเป็นการรักษาที่เฉพาะเจาะจง ที่ไม่เคยมีนวัตกรรมใดทำได้ลึกถึงชั้นนี้มาก่อน ทำให้ชั้นกล้ามเนื้อมีสุขภาพที่แข็งแรง ส่งเสริมให้ผิวชั้นบนอื่น ๆ เช่น SMAS, ชั้นไขมัน, ชั้นหนังแท้ และผิวหนังชั้นนอกมีสุขภาพดีตามเช่นกัน ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ EMFACE สามารถปรับปรุงคุณภาพผิวให้สมบูรณ์ในทุก ๆ ชั้นได้
 

Emface ช่วยในเรื่องอะไร

  • ยกกระชับผิวหน้า ลึกถึงชั้นกล้ามเนื้อ (MUSCLE TONE) ช่วยลดริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย ให้ใบหน้าดูกระชับ
  • การสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินเพิ่มขึ้น 2 เท่านี้ จะช่วยให้ผิวแข็งแรง ยืดหยุ่น เรียบเนียน
  • ลดเลือนริ้วรอย ทั้งริ้วรอยตื้น ริ้วรอยลึก ทั่วใบหน้าไม่ว่าจะเป็นหน้าผาก ร่องแก้ม กรอบหน้า คาง ซึ่งโดยเฉพาะบริเวณร่องแก้มและหน้าแก้มที่หลังทำจะเห็นได้ชัดเลยว่าลดลงและกระชับขึ้น
  • ปรับรูปหน้า ยกแก้ม กระชับคาง ช่วยให้เหนียงลดลง ปรับรูปหน้าให้เรียวและมีกรอบหน้าที่ชัดมากขึ้น


ผลลัพธ์ที่ได้จากการทำ EMFACE

จากการศึกษาโดยศูนย์วิจัยชั้นนำ 15 แห่งในสหรัฐอเมริกา พร้อมทั้งการวิเคราะห์จาก 9 กรณีศึกษาทางคลินิก ที่ผู้ทดลองกว่า 3,000 ราย ได้เผยให้เห็นถึงผลลัพธ์ที่น่าสนใจจากการทำ EMFACE ดังนี้

  • เพิ่มความเฟิร์มกล้ามให้มีวอลลุ่มเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 30%
  • ริ้วรอยบนใบหน้าลดลงโดยเฉลี่ย 37%
  • เพิ่มความหนาแน่นของกล้ามเนื้อบริเวณที่ทำ 19%
  • คอลลาเจนบริเวณที่ทำเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 26%
  • อีลาสตินให้ผิวหน้าสุขภาพดีเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 2 เท่า
  • ผิวยกกระชับเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 23%
  • ความหนาแน่นกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าหน้าเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 19%
  • ปรับสีผิวให้เรียบเนียนขึ้นโดยเฉลี่ย 25%
  • ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 16 เดือน

Emface ราคาโปรโมชั่น 2024 อัปเดตที่ AES CLASS CLINIC

AES CLASS CLINIC มีการอัปเดตแพ็กเกจ Emface ราคาสุดคุ้มเป็นประจำ ลูกค้าสามารถเลือกแพ็กเกจการทำ Emface ราคาที่เหมาะสมกับปัญหาผิวและผลลัพธ์ที่ต้องการได้เลย

Emface

ที่ AES CLASS Clinic (เอสคลาสคลินิก)

ปรึกษาฟรี! พร้อมออกแบบการรักษาที่เหมาะกับคุณ

เพียงเพิ่มเพื่อนผ่านไลน์ และพิมพ์ “Emface”

Emface ทำบริเวณไหนบ้าง

  • บริเวณหน้าผาก ช่วยให้คิ้วยกขึ้น ช่วยลดริ้วรอยบริเวณหน้าผาก
  • บริเวณกรอบหน้า (Jawline) ช่วยให้กรอบหน้าชัด น่ามองมากยิ่งขึ้น
  • บริเวณแก้ม ช่วยให้แก้มยกกระชับ ช่วยลดร่องแก้ม ลดเหนียง
  • บริเวณคิ้ว ช่วยทำให้คิ้วยก
  • ริ้วรอยทั่วทั้งใบหน้า ช่วยให้ริ้วรอยลดลง

Emface มีขั้นตอนอะไร

ขั้นตอนในการยกกระชับใบหน้าด้วย Emface จะใช้เวลาเพียง 20-30 นาทีเท่านั้น มีขั้นตอนการทำดังนี้

  1. แพทย์ประเมินผิวและออกแบบการรักษา เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตรงกับปัญหาผิวของคุณ
  2. พนักงานทำความสะอาดผิวให้คนไข้
  3. แพทย์ทำการรักษา โดยใช้เวลารักษาทั่วใบหน้าประมาณ 20-30 นาที (ขณะทำคนไข้จะรู้สึกอุ่นๆ และมีการกระตุกของเครื่องมือบริเวณที่ทำ โดยที่ไม่รู้สึกเจ็บและไม่ต้องทายาชาก่อนทำ)
  4. หลังรักษาเสร็จ พนักงานทำความสะอาดผิวและลงผลิตภัณฑ์บำรุงผิวให้คนไข้

ขณะที่ทำ Emface รู้สึกอย่างไร เจ็บไหม

ขณะทำ Emface คุณจะรู้สึกอุ่น ๆ บริเวณที่ทำ และรู้สึกถึงการกระตุกของเครื่องมือ รวมถึงรู้สึกว่ากล้ามเนื้อตึงตัวขึ้นตามจังหวะการปล่อยพลังงาน แต่จะไม่มีอาการเจ็บหรือรอยแผลใดๆ ที่ผิวชั้นนอก และผิวอาจมีสีชมพูระเรื่อจากการส่งพลังงานเข้าไปกระชับชั้นกล้ามเนื้อใบหน้า

เครื่องยกกระชับหน้า Emface เหมาะกับช่วงอายุเท่าไหร่

ในส่วนของช่วงอายุที่เหมาะสมในการทำ Emface ด้วยเครื่องยกกระชับใบหน้านั้น สามารถทำได้ตั้งแต่อายุ 25 ปีขึ้นไป เพราะช่วงอายุ 25 ปีเป็นช่วงเริ่มต้นของปัญหาริ้วรอยและผิวหย่อนคล้อย จากทั้งปัจจัยภายในอย่างกราฟคอลลาเจนที่เริ่มตกลงทุกปี และปัจจัยภายนอกต่างๆ เช่น มลภาวะ แสงแดด และพักผ่อนไม่เพียงพอ ซึ่งล้วนส่งผลต่อความเสื่อมของผิวพรรณโดยเฉพาะบริเวณใบหน้า

Emface เหมาะกับใคร

EMFACE นวัตกรรมในการดูแลผิวหน้าที่ตอบโจทย์สำหรับ 3 กลุ่มช่วงวัย ที่มีปัญหาผิวดังนี้

ผู้ที่อายุน้อยกว่า 35 ปี

  • ริ้วรอยเริ่มมา
  • ร่องแก้มเริ่มชัด
  • โครงหน้าเริ่มเปลี่ยน
  • กรอบหน้าเริ่มไม่ชัด ไม่มีมิติ

ผู้ที่อยู่ในช่วงอายุ 35-55 ปี

  • เป็นช่วงวัยที่ริ้วรอยเริ่มมากขึ้น
  • เห็นร่องแก้มชัดขึ้น
  • เริ่มมีกระเปาะแก้ม
  • หางตาเริ่มตก
  • โครงใบหน้าเริ่มเปลี่ยน
  • มีเหนียงที่ชัด

ผู้ที่มีอายุมากกว่า 55 ปี

  • ผิวหน้าหย่อนคล้อยแบบเห็นได้ชัด
  • มีริ้วรอยมากขึ้น
  • ร่องแก้มลึก
  • เห็นกระเปาะแก้มชัดเจน
  • หางตาตก
  • โครงใบหน้าเปลี่ยนชัดเจน
  • มีเหนียงที่ชัด

นอกจากช่วงวัยต่าง ๆ แล้วยังเหมาะกับ กลุ่มคนดังต่อไปนี้

  • ผู้ที่อยากหน้าเด็ก หน้ายกกระชับขึ้น โดยไม่ต้องเจ็บตัว
  • ผู้ที่อยากดูดีขึ้น โดยไม่ต้องพักฟื้น
  • ผู้ที่ต้องการชะลอวัย และมีผิวสวยสุขภาพดีตั้งแต่โครงสร้างชั้นผิว คือ ชั้นกล้ามเนื้อใบหน้า

Emface ไม่เหมาะกับใคร

ใครบ้างที่ไม่เหมาะกับการทำ Emface มีอยู่ด้วยกันดังนี้

  • ผู้ที่ใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจทุกชนิดไม่ควรทำ EMFACE
  • ผู้ที่ใส่เหล็กบริเวณใบหน้าไม่ควรทำ EMFACE หรือหากใส่เหล็กบริเวณอื่นๆ ของร่างกายควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ

สิ่งที่ควรรู้ก่อนทำ Emface

แม้การทำ Emface ตัวเครื่องจะได้รับการรับรองจาก FDA สหรัฐอเมริกาว่ามีความปลอดภัย แต่ก็ควรทำกับแพทย์ผู้ชำนาญการที่มีประสบการณ์ ผ่านอบรมการทำ Emface มาแล้ว เนื่องจากผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพต้องอาศัยความชำนาญด้านการวิเคราะห์กายวิภาคศาสตร์ของใบหน้า เพื่อวางจุดแปะเครื่องมือได้ถูกจุดชั้นกล้ามเนื้อของแต่ละบุคคล

การดูแลตัวเองหลังทำ Emface

โดยทั่วไปแล้วหลังทำ Emface จะไม่ต้องดูแลอะไรมาก เพราะสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติได้เลย และจะรู้สึกผิวเต่งตึง กระชับขึ้นในทันที เพียงแต่บางรายหลังทำผิวหน้าอาจมีอาการแดงเล็กน้อยเนื่องจากผิวหนังได้รับความร้อนจากพลังงานของ Emface แต่อาการนี้จะหายไปเองภายใน 24 ชั่วโมง

Emface ต้องทำกี่ครั้ง
ถึงจะเห็นผล

หลังทำ Emface จะรู้สึกถึงผลลัพธ์ที่ดีขึ้นตั้งแต่หลังทำ ไม่ว่าจะผิวหน้าจะยกกระชับขึ้น กรอบหน้าชัดขึ้น ริ้วรอยลดเลือนลง ผิวหน้าดูอ่อนกว่าวัยขึ้น แต่หากต้องเห็นผลลัพธ์ที่ชัดมากขึ้น ควรทำ 4 ครั้งขึ้นไป หรือขึ้นอยู่กับคำแนะนำของแพทย์

โปรแกรม Emface ทำร่วมกับโปรแกรมฟิลเลอร์ได้หรือไม่

การรักษาด้วยโปรแกรม Emface สามารถรักษาร่วมกับโปรแกรมฟิลเลอร์ได้ เพียงแต่แนะนำให้ทำ Emface ก่อนเพื่อเสริมความแข็งแรงให้กับชั้นกล้ามเนื้อใต้ผิวหนังอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ผิวพรรณกระชับก่อนการเติมโปรแกรมฟิลเลอร์เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แต่หากมีการเติมโปรแกรมฟิลเลอร์มาก่อนแล้ว ควรรอให้ผ่านไปอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ แล้วค่อยทำการรักษาด้วย Emface เพื่อให้ผิวมีเวลาฟื้นตัวอย่างเต็มที่

นอกจากนี้ EMFACE ยังเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่มีอาการดื้อ Toxin หรือเติม Toxin รวมถึงผู้ที่ต้องการลดการเติมโปรแกรมฟิลเลอร์และโบท็อกซ์ให้น้อยลง เพื่อผลลัพธ์ที่ดูธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

Emface กับ Ulthera ต่างกันอย่างไร แบบไหนดีกว่ากัน

ปัจจุบันทั้ง Emface vs Ultherapy หรือ Ulthera เป็นโปรแกรมยกกระชับใบหน้าที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ซึ่งทั้งสองเครื่องมือสามารถทำควบคู่กันได้เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น หรือจะเลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้เช่นกัน โดยทั้ง 2 เครื่องมือมีความแตกต่างกัน ดังนี้


Emface

หลักการทำงาน : นวัตกรรมการยกกระชับที่ผสมผสานเทคโนโลยี HIFES และ Synchronized RF ในการดูแลรักษาผิวหน้าแบบ 2 in 1 ซึ่งจะช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อในการยกกระชับผิว และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนกับอีลาสตินตั้งแต่ชั้นโครงสร้างผิว
เหมาะกับใคร : ผู้ที่อายุ 25 ปีขึ้นไป ต้องการยกกระชับผิวแบบไม่เจ็บตัว มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ต้องการสร้างรากฐานผิวให้เฟิร์มแข็งแรง
ผลลัพธ์ : ผิวยกกระชับเฟิร์มขึ้น ริ้วรอยลดเลือนลง ผิวเรียบเนียนขึ้น และกระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสตินให้ผิวแข็งแรงขึ้นทุกๆ ชั้นผิว


Ulthera

หลักการทำงาน : นวัตกรรมการยกกระชับผิว ที่ใช้คลื่นอัลตราซาวด์ชนิดเจาะจง (Focused Ultrasound) เปลี่ยนเป็นจุดความร้อนแนวยาวในระดับลึกของผิวหนังในชั้นกล้ามเนื้อส่วนบน (SMAS) ซึ่งช่วยยกกระชับผิว
เหมาะกับใคร : ผู้ที่อายุ 25 ปีขึ้นไป มีผิวหน้าหย่อนคล้อย กรอบหน้าไม่ชัด
ผลลัพธ์ : ช่วยให้ผิวยก ลดเหนียง กรอบหน้าชัด ปรับผิวให้เรียบเนียน

Emface กับ Ulthera แบบไหนดีกว่ากัน ? ก่อนเลือกใช้บริการหัตถการความงามไม่ว่าจะเป็น Emface Ulthera หรือตัวอื่น ๆ แนะนำให้ศึกษาข้อมูลที่ถูกต้องก่อน เพื่อเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการให้แพทย์ประเมิน และเลือกหัตถการที่เหมาะสมกับปัญหาผิวของคนไข้ในการออกแบบการรักษาให้การรักษาได้รับผลลัพธ์อย่างเหมาะสมที่สุด

รวม Emface Reviews
จากลูกค้าที่ไว้วางใจ

จากลูกค้าที่เคยทำ Emface รีวิวส่วนใหญ่ต่างรู้สึกพึงพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้ โดยพบว่าผิวหน้าดูกระชับเรียบเนียนขึ้น ริ้วรอยลดลง ใบหน้าดูอ่อนเยาว์โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น

รวมรีวิว Emface Before And After กับ AES CLASS CLINIC

เลือกทำ Emface ที่ไหนดี ต้องพิจารณาอะไรบ้าง

การจะตัดสินใจเลือกทำ Emface ที่ไหนดีนั้น อาจไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับใครหลายคน เพราะมีหลายคลินิกหลายแห่งให้เลือก โดยแต่ละแห่งต่างมีจุดเด่นที่น่าสนใจคล้าย ๆ กัน แต่สำหรับ AES CLASS CLINIC เราให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาผิวที่คนไข้กังวล และมอบผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจให้กับผู้มาใช้บริการเป็นหลัก

คลินิกมีประสบการณ์และน่าเชื่อถือ

ประสบการณ์และชื่อเสียงความน่าเชื่อถือของคลินิกเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกที่เราควรพิจารณา เพราะจะช่วยยืนยันคุณภาพของผลลัพธ์และความปลอดภัยได้ นอกจากนี้ควรเลือกคลินิกที่มีแพทย์ผู้ชำนาญการและมีประสบการณ์ในการทำ Emface รวมถึงคลินิกควรมีเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ทันสมัย พร้อมได้รับการรับรองมาตรฐานคลินิกจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจ

ก่อนตัดสินใจทำ Emface เราควรตรวจสอบว่าคลินิกที่ทำ Emface มีที่ไหนบ้าง จากนั้นทำการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับคลินิกและเทคนิคการทำ Emface ให้ดี เพื่อประกอบการตัดสินใจ เราควรอ่านรีวิวจากลูกค้าที่เคยทำมาก่อน เพื่อดูว่าผลลัพธ์เป็นอย่างไร และมีข้อดี-ข้อเสียอย่างไรบ้าง

ปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการ

สิ่งสำคัญที่สุดคือ คลินิกแห่งนั้นต้องการมีแพทย์ผู้ชำนาญการ เพราะไม่ว่าจะเลือกใช้บริการอะไร ควรปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการ เพื่อประเมินสภาพใบหน้าและสามารถแนะนำเทคนิคที่เหมาะสมกับเรามากที่สุด โดยแพทย์แพทย์ผู้ชำนาญการจะเป็นผู้ประเมินสภาพใบหน้าของเราว่ามีปัญหาอะไรบ้าง และควรใช้เทคนิคไหนหรือต้องทำกี่ครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ยกกระชับระดับเอสคลาส ที่ AES CLASS CLINIC พร้อมดูแลคุณทั้งรักสวยและรักษาดูแลผิวพรรณ ให้คุณรักตัวเองอย่างมั่นใจขึ้น ด้วยแพทย์เปี่ยมประสบการณ์ และเครื่องมือมาตรฐานระดับ Gold Standard ปรึกษาปัญหาผิวฟรี! ได้ที่ LINE

คำถามที่พบบ่อย
เกี่ยวกับการทำ Emface

  • Emface เจ็บไหม

    ขณะทำ Emface คุณจะรู้สึกสบายผิว สำหรับบางคนอาจจะรู้สึกว่ากล้ามเนื้อตึงตัวขึ้นขณะทำ โดยแพทย์ผู้ทำการรักษาจะคอยสังเกตอาการของคุณอยู่ตลอดเวลา หากรู้สึกเจ็บหรือรู้สึกไม่สบายตัว สามารถแจ้งให้แพทย์ได้ทันที แพทย์จะปรับระดับพลังงานให้เหมาะสมเพื่อให้คุณรู้สึกสบายมากที่สุด

  • Emface ต้องทำกี่ครั้งเห็นผล

    โดยทั่วไปจะแนะนำให้ทำ Emface 3-4 ครั้งต่อคอร์ส โดยแต่ละครั้งจะห่างกันประมาณ 1 สัปดาห์ ผลลัพธ์จะเริ่มเห็นได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ แต่จะเห็นผลชัดเจนมากขึ้นหลังทำครบคอร์ส ผิวจะกระชับขึ้น ริ้วรอยลดลง ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

  • Emface ต้องทำโดยแพทย์หรือไม่

    Emface เป็นเทคโนโลยีการยกกระชับใบหน้าที่มีความปลอดภัย แต่ควรทำโดยแพทย์ผู้ชำนาญการที่มีประสบการณ์ เพราะแพทย์จะสามารถวางตำแหน่งแผ่นแปะของ Emface ได้อย่างถูกต้อง และสัมพันธ์กับการทำงานของกล้ามเนื้อ Zygomaticus major, Zygomaticus minor, และ Risorius ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อที่ช่วยในการยกหน้าขึ้น และช่วยในการยิ้มส่งผลให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด หากทำโดยบุคคลที่ไม่ใช่แพทย์อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ เช่น อาการบาดเจ็บที่ผิวหนังหรือกล้ามเนื้อ

  • ทำ Emface มีผลข้างเคียงหรือไม่

    การทำ Emface ไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ เนื่องจากมีความปลอดภัย แต่บางรายอาจจะมีรอยแดงเกิดขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้นและจะหายได้เองภายใน 24 ชั่วโมง ที่สำคัญการทำ Emface เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ไม่ต้องการผ่าตัด และไม่มีเวลาพักฟื้น ทำให้เป็นอีกหนึ่งหัตถการที่ได้รับความนิยมที่สุดในเวลานี้

  • Emface อยู่ได้นานแค่ไหน

    หลังทำ 4 ครั้ง ผลลัพธ์ของ Emface จะอยู่ได้นานประมาณ 16 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลตัวเองของแต่ละบุคคล หากต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนานขึ้น อาจต้องทำซ้ำทุก ๆ ปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์

  • Emface สามารถทำร่วมกับโปรแกรมฟิลเลอร์ได้ไหม

    Emface และโปรแกรมฟิลเลอร์ รวมถึงโบท็อกซ์สามารถนำมาทำร่วมกันได้ เพราะต่างเป็นตัวช่วยในการยกกระชับใบหน้าที่มีประสิทธิภาพ แต่ทั้งนี้ไม่ใช่ทุกคนจะจำเป็นต้องทำร่วมกัน ซึ่งแพทย์จะพิจารณาถึงความเหมาะสมของแต่ละบุคคลเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

  • Emface แก้ปัญหาความหย่อนคล้อยชั้นไหนบ้าง

    การทำ Emface สามารถแก้ปัญหาความหย่อนคล้อยได้ลึกโดยเฉพาะชั้นกล้ามเนื้อ MUSCLE เนื่องจากเป็นชั้นกล้ามเนื้อที่ลึกที่สุดของผิวหนัง ทำหน้าที่พยุงโครงสร้างใบหน้าและผิวหนังไว้ไม่ให้หย่อนคล้อย เมื่ออายุมากขึ้น ชั้น MUSCLE จะเสื่อมสภาพลง ส่งผลให้ผิวหย่อนคล้อย เกิดริ้วรอย ร่องลึก และใบหน้าดูไม่กระชับ การทำ Emface จึงเข้ามาช่วยในเรื่องนี้โดยตรง

  • Emface สามารถทำได้ทุกจุดบนใบหน้าไหม

    เครื่องยกกระชับ Emface สามารถรักษาได้ทุกจุดบนใบหน้า ซึ่งจุดหลัก ๆ ที่นิยมในการทำการรักษาคือ บริเวณหน้าผาก, บริเวณกรอบหน้า บริเวณแก้ม บริเวณคิ้ว และริ้วรอยทั่วทั้งใบหน้า เป็นต้น เมื่อทำ Emface ผลลัพธ์ที่ได้จะมากกว่าแค่การยกผิว แต่เป็นการเสมือนการออกกำลังกาย ที่ทำให้ใบหน้าและผิวพรรณมีความแข็งแรงเฟิร์มกระชับขึ้นอีกด้วย

  • ปัญหาผิวแบบไหนควรทำ Emface

    สำหรับการทำ Emface เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับ ซึ่งสามารถแบ่งได้ตามช่วงอายุดังนี้

    • อายุน้อยกว่า 35 ปี ที่เริ่มมีริ้วรอย ร่องแก้มเริ่มมา กรอบหน้าเริ่มไม่ชัด โครงหน้าเริ่มเปลี่ยน
    • อายุ 35-55 ปี มีริ้วรอยมากขึ้น ร่องแก้มเห็นชัด หางตาตก มีเหนียง และมีกระเปาะแก้ม
    • อายุมากกว่า 55 ปี ผิวหน้าหย่อนคล้อย ริ้วรอยมาก โครงหน้าเปลี่ยนชัดเจน และมีเหนียง

    สรุปได้ว่าการทำ Emface สามารถเฟิร์ม ฟื้น และฟูผิวหน้า ให้ผิวแข็งแรงยกกระชับและสุขภาพดีขึ้นในทุกๆ ชั้นผิว

  • Emface กับ Ulthera ต่างกันยังไง

    Emface และ Ulthera เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวหน้า แบบไม่ต้องผ่าตัดที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน โดยทั้ง 2 จะต่างกันที่เทคโนโลยีที่ใช้ ซึ่ง Emface ใช้เทคโนโลยี HIFES™ และ Synchronized RF สำหรับเฟิร์มผิว ส่วน Ulthera ใช้คลื่น Focused ultrasound สำหรับยกผิว

Before & After

แพทย์มากประสบการณ์

ดูแพทย์ทั้งหมด

รีวิว

เปรมา ทิพย์อักษร (ทิพย์)

เลือก Ulthera ที่พงศ์ศักดิ์คลินิก เพราะเพื่อนทำแล้วว้าวมาก หลังทำเองผลลัพธ์ปัง ผิวดี หน้ายกกระชับ ใครที่สนใจดูแลตัวเองให้ดูดีแนะนำเลยค่ะ
Thermage Body
Thermage Eye
Morpheus8 Body
Morpheus8 Prime
Ulthera
Thermage FLX
Morpheus8
Emface

ดลเศรษฐ์ เกษมศิริวัฒน์ (ดล)

ผมมีปัญหาหน้าไม่เท่ากัน มีคนรู้จักแนะนำให้เติมฟิลเลอร์ จึงปรึกษาแพทย์ที่พงศ์ศักดิ์คลินิก แล้วเติมฟิลเลอร์บริเวณกรอบหน้ากับขากรรไกรเพื่อปรับรูปหน้าให้สมดุล และเพิ่ม Masculine Jawline หลังทำเห็นความเปลี่ยนแปลงชัด ถ่ายรูปแล้วรู้สึกตัวเองดูแมนขึ้น ชอบมากครับ
ฟิลเลอร์คาง
ฟิลเลอร์ขมับ
ฟิลเลอร์ปาก
ฟิลเลอร์ร่องแก้ม
ฟิลเลอร์ใต้ตา
Radiesse
Emface

ณัฐณิชา อัครดํารงเดช (ปอย)

ปอยกำลังจะแต่งงาน ในวันสำคัญอยากถ่ายรูปออกมาให้สวยที่สุด เพื่อเก็บความทรงจำวันพิเศษของชีวิต แต่มีความกังวลเรื่องกรอบหน้าไม่ชัด เวลายิ้มแล้วหน้าบาน มีเหนียงใต้คาง ปรึกษาคุณหมอแล้วเลือกทำ Ultherapy ที่พงศ์ศักดิ์คลินิก หลังทำพอใจในผลลัพธ์ กรอบหน้าชัด เหนียงลดลง รู้สึกมั่นใจขึ้นค่ะ
Thermage Body
Thermage Eye
Ulthera
Thermage FLX
Emface

เปรมา ทิพย์อักษร (ทิพย์)

เลือก Ulthera ที่พงศ์ศักดิ์คลินิก เพราะเพื่อนทำแล้วว้าวมาก หลังทำเองผลลัพธ์ปัง ผิวดี หน้ายกกระชับ ใครที่สนใจดูแลตัวเองให้ดูดีแนะนำเลยค่ะ
Thermage Body
Thermage Eye
Morpheus8 Body
Morpheus8 Prime
Ulthera
Thermage FLX
Morpheus8
Emface

ดลเศรษฐ์ เกษมศิริวัฒน์ (ดล)

ผมมีปัญหาหน้าไม่เท่ากัน มีคนรู้จักแนะนำให้เติมฟิลเลอร์ จึงปรึกษาแพทย์ที่พงศ์ศักดิ์คลินิก แล้วเติมฟิลเลอร์บริเวณกรอบหน้ากับขากรรไกรเพื่อปรับรูปหน้าให้สมดุล และเพิ่ม Masculine Jawline หลังทำเห็นความเปลี่ยนแปลงชัด ถ่ายรูปแล้วรู้สึกตัวเองดูแมนขึ้น ชอบมากครับ
ฟิลเลอร์คาง
ฟิลเลอร์ขมับ
ฟิลเลอร์ปาก
ฟิลเลอร์ร่องแก้ม
ฟิลเลอร์ใต้ตา
Radiesse
Emface

ณัฐณิชา อัครดํารงเดช (ปอย)

ปอยกำลังจะแต่งงาน ในวันสำคัญอยากถ่ายรูปออกมาให้สวยที่สุด เพื่อเก็บความทรงจำวันพิเศษของชีวิต แต่มีความกังวลเรื่องกรอบหน้าไม่ชัด เวลายิ้มแล้วหน้าบาน มีเหนียงใต้คาง ปรึกษาคุณหมอแล้วเลือกทำ Ultherapy ที่พงศ์ศักดิ์คลินิก หลังทำพอใจในผลลัพธ์ กรอบหน้าชัด เหนียงลดลง รู้สึกมั่นใจขึ้นค่ะ
Thermage Body
Thermage Eye
Ulthera
Thermage FLX
Emface
ดูรีวิวเพิ่มเติม