Sculptra คืออะไร สารกระตุ้นคอลลาเจน ดีไหม
ราคาเท่าไหร่ ทำที่ไหนดี?
เมื่ออายุมากขึ้น ผิวพรรณและความอ่อนเยาว์ก็โรยราลง ดังนั้นสิ่งที่จะเสื่อมตามมานั่นคือคอลลาเจน (Collagen) คอลลาเจนนับว่ามีบทบาทสำคัญที่ช่วยดูแลผิวของเรา ซึ่งคอลลาเจนจะเริ่มลดลงตั้งแต่อายุ 20 ปี และจะลดลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเราอายุเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หากไม่หาวิธีดูแลรักษาคอลลาเจนที่ดีพอ
และสิ่งที่จะช่วยคงความอ่อนวัย และรักษาคอลลาเจนในร่างกายของเรานั่นคือทรีทเม้นท์ Sculptra เป็นอีกความก้าวหน้าในการยกกระชับและกระตุ้นคอลลาเจน โดยผลลัพธ์คงอยู่ได้ยาวนานถึง 25 เดือน ไม่เป็นอันตรายต่อผิว และร่างกาย อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นคอลลาเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Sculptra คืออะไร สารกระตุ้นคอลลาเจน ยอดนิยมจริงไหม?
Sculptra คือ อนุภาคของกรด Poly-L-Lactic ( โพลี-แอล-แลกติก ) หรือ PLLA คือสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน อยู่ในกลุ่ม Collagen Biostimulator เป็นการเติมตัวยาให้ร่างกายเกิดการสร้างคอลลาเจนขึ้นเองตามกระบวนการธรรมชาติ ช่วยในการกระตุ้น Collagen Type 1 ได้สูงถึง 66.5% ปลอดภัย ไม่ตกค้างในร่างกาย หลังจากการฉีดไป 3 เดือน ทำให้ผิวกระชับ และมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ฟื้นฟูผิวจากภายในอย่างล้ำลึก ช่วยย้อนวัยให้ผิวกลับไปดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ
“หลังเติมจะเห็นความเปลี่ยนแปลงใน 3 สัปดาห์
เมื่อผ่านไป 3 เดือน คอลลาเจนจะเพิ่มขึ้นถึง +66.5%
ภายใน 12 เดือน ผิวยืดหยุ่นขึ้นและคุณภาพผิวโดยรวมดีขึ้น
ตามการเพิ่มขึ้นของระดับคอลลาเจน โดยผลลัพธ์อยู่นาน 25 เดือน”
AES CLASS CLINIC เลือกใช้ Sculptra จาก Galderma
AES CLASS CLINIC เลือกใช้ Sculptra นำเข้าจากประเทศสวีเดน โดย บริษัท Galderma ประเทศไทย ซึ่ง Sculptra เป็นสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตัวแรกของโลก และเป็นตัวเดียวที่ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย ที่ผ่านการรับรอง จาก US FDA ถูกใช้อย่างกว้างขวาง ภายใน 20 ปี ถูกใช้ใน 40 ประเทศทั่วโลก
Sculptra รีวิวจากลูกค้า
ที่ AES CLASS CLINIC มีการอัปเดตแพ็กเกจการทำ Sculptra ราคาสุดคุ้มเป็นประจำ ลูกค้าสามารถเลือก
แพ็กเกจการทำทรีทเม้นท์ผิวหน้าในราคาที่เหมาะสมกับปัญหาสุขภาพผิวได้เลย!
Sculptra
ที่ AES CLASS Clinic (เอสคลาสคลินิก)
ปรึกษาฟรี! พร้อมออกแบบการรักษาที่เหมาะกับคุณ
เพียงเพิ่มเพื่อนผ่านไลน์ และพิมพ์ “Sculptra”
Sculptra ช่วยอะไร ?
- ช่วยฟื้นฟูและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวลึก ทำให้ผิวแน่นกระชับขึ้น
- ลดความหย่อนคล้อยและริ้วรอย
- ช่วยเติมเต็มความอิ่มฟูของใบหน้า ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์และมีความยืดหยุ่นมากขึ้น
- ช่วยปรับโครงหน้าให้เรียบเนียนและยกกระชับขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติในระยะยาว
หลักการทำงานของ Sculptra (สกัลป์ทรา)
การเติม Sculptra เข้าสู่ร่างกายจะถูกเติมเข้าสู่ผิวชั้นลึกใต้ผิวหนัง (Subcutaneous) ซึ่งผิวจะดูเติมเต็มขึ้นตั้งแต่หลังเติมเสร็จ หลังจากนั้น 2-3 วัน ส่วนประกอบต่างๆ จะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย และ Sculptra จะเริ่มกระตุ้นผ่านระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยดึงเซลล์ Macrophages มาล้อมรอบอนุภาค Sculptra จำนวนมาก และมีการส่งสัญญาณให้เซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) เซลล์ต้นกำเนิดที่สร้างเส้นใยคอลลาเจน และเป็นส่วนประกอบหลักของโครงสร้างผิวหนัง เข้ามารวมตัวกันมากขึ้น จึงทำให้ผิวมีความแข็งแรงและยกกระชับโดยบริเวณที่เหมาะกับการเติม Sculptra จะเป็นบริเวณใบหน้า ได้แก่ ชั้นผิวหนังแท้ (Deep dermis) และชั้นใต้ผิวหนัง (Subcutaneous)
เมื่อเวลาผ่านไปอนุภาคของ Sculptra จะค่อยๆ หายไปเหลือเพียงเส้นใยคอลลาเจนที่มาสะสมแทนที่ และฟื้นฟูความแข็งแรงให้กับโครงสร้างของผิวหนังในระยะยาว
การเติม Sculptra เข้าสู่ร่างกายจะถูกเติมเข้าสู่ผิวชั้นลึกใต้ผิวหนัง (Subcutaneous) ซึ่งผิวจะดูเติมเต็มขึ้นตั้งแต่หลังเติมเสร็จ หลังจากนั้น 2-3 วัน ส่วนประกอบต่างๆ จะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย และ Sculptra จะเริ่มกระตุ้นผ่านระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยดึงเซลล์ Macrophages มาล้อมรอบอนุภาค Sculptra จำนวนมาก และมีการส่งสัญญาณให้เซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) เซลล์ต้นกำเนิดที่สร้างเส้นใยคอลลาเจน และเป็นส่วนประกอบหลักของโครงสร้างผิวหนัง เข้ามารวมตัวกันมากขึ้น จึงทำให้ผิวมีความแข็งแรงและยกกระชับโดยบริเวณที่เหมาะกับการเติม Sculptra จะเป็นบริเวณใบหน้า ได้แก่ ชั้นผิวหนังแท้ (Deep dermis) และชั้นใต้ผิวหนัง (Subcutaneous)
ความแตกต่างระหว่าง Sculptra กับวิธีอื่น ๆ
Sculptra เป็นเทคนิคการฟื้นฟูผิวที่มีความแตกต่างจากวิธีอื่น ๆ อย่างเด่นชัด เนื่องจาก Sculptra ไม่ใช่สารเติมเต็มแบบปกติที่ฉีดเข้าไปเพื่อเพิ่มปริมาณหรือเติมเต็มพื้นที่ผิวที่หย่อนคล้อยทันที แต่ Sculptra ทำงานโดยการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในผิวหนังอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทำให้ผลลัพธ์มีความเป็นธรรมชาติและยาวนานกว่า การฟื้นฟูที่เกิดขึ้นจาก Sculptra มักจะใช้เวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนกว่าจะเห็นผลชัดเจน ซึ่งแตกต่างจากสารเติมเต็มทั่วไปที่ให้ผลลัพธ์ในทันที นอกจากนี้ Sculptra ยังเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับปรุงโครงสร้างผิวในระยะยาวและต้องการผลลัพธ์ที่ไม่ดูเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ฉับพลันมากนัก ทำให้เป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นธรรมชาติและความยั่งยืนในระยะยาว
Sculptra กับ ฟิลเลอร์ มีความต่างกันอย่างไร ?
Sculptra และฟิลเลอร์ต่างกันอย่างชัดเจน ซึ่งการทำงานและผลลัพธ์ที่ได้ ฟิลเลอร์ เป็นสารที่ฉีดเข้าไปใต้ผิวหนังเพื่อเติมเต็มร่องลึกหรือเพิ่มปริมาตรในทันที เช่น ริ้วรอย ร่องแก้ม หรือเพิ่มความอิ่มเอิบให้กับริมฝีปาก ผลลัพธ์จากฟิลเลอร์จะเห็นได้ชัดเจนทันทีหลังฉีด และผลลัพธ์จะคงอยู่เป็นระยะเวลาหนึ่งก่อนที่สารจะถูกดูดซึมหรือสลายไป
ในทางกลับกัน Sculptra ไม่ใช่ฟิลเลอร์แบบที่เติมเต็มในทันที แต่เป็นสารที่กระตุ้นการผลิตคอลลาเจนตามธรรมชาติของร่างกาย เมื่อฉีด Sculptra เข้าไปใต้ผิว มันจะค่อย ๆ กระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผิวหนังมีความหนาแน่นและยืดหยุ่นมากขึ้น กระบวนการนี้ใช้เวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนในการแสดงผลลัพธ์ที่ชัดเจน และผลลัพธ์จะมีความยาวนานกว่าฟิลเลอร์ทั่วไป เนื่องจากเป็นการฟื้นฟูจากภายใน
ดังนั้น ความแตกต่างหลักคือ ฟิลเลอร์ให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วในทันที แต่จะคงอยู่ในระยะเวลาสั้นกว่า ส่วน Sculptra จะใช้เวลานานกว่าในการเห็นผล แต่ผลลัพธ์จะดูเป็นธรรมชาติและคงอยู่ได้นานกว่า เนื่องจากเป็นการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนของร่างกายเอง
Sculptra กับ เมโสหน้าใส มีความต่างกันอย่างไร ?
เมโสหน้าใส (Mesotherapy) เป็นการฉีดสารอาหาร วิตามิน หรือสารที่มีคุณสมบัติช่วยบำรุงผิวโดยตรงเข้าสู่ผิวหนังชั้นกลาง เพื่อให้ผิวหน้าดูสดใส เปล่งปลั่ง และชุ่มชื้นในทันทีหลังจากการรักษา การทำเมโสหน้าใสมักจะให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว แต่ผลลัพธ์จะอยู่ในระยะเวลาที่สั้นกว่าการใช้ Sculptra และมักต้องทำซ้ำอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาความสว่างใสของผิว
แต่ Sculptra เป็นการฉีดสารที่ออกฤทธิ์ในการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนภายในผิวหนัง ทำให้ผิวดูเต่งตึงและยืดหยุ่นมากขึ้นในระยะยาว และเป็นวิธีทำให้หน้าใสอีกวิธีหนึ่งที่คงผลลัพธ์ได้นาน ช่วยลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า ซึ่งสามารถทำควบคู่กับเมโสหน้าใสได้
Sculptra กับ Rejuran มีความต่างกันอย่างไร ?
Rejuran เป็นการฉีดสารโพลีดีออกซีไรโบนิวคลีโอไทด์ (Polydeoxyribonucleotide หรือ PDRN) ซึ่งสกัดจาก DNA ของปลาแซลมอน Rejuran มีจุดเด่นในการซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์ผิวที่เสียหาย กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ และเพิ่มความยืดหยุ่นของผิวหนัง ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์และมีสุขภาพดีขึ้น ผลลัพธ์จาก Rejuran มักจะเห็นผลเร็วกว่า Sculptra และเหมาะสำหรับการแก้ไขปัญหาผิวที่ต้องการการฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว เช่น ริ้วรอยบาง ๆ หรือความหย่อนคล้อยของผิว
แต่ Sculptra เป็นการฉีดสารโพลีแอลแลคติกแอซิด (Poly-L-lactic acid) ซึ่งทำหน้าที่กระตุ้นการผลิตคอลลาเจนตามธรรมชาติของร่างกาย และมีโอกาสแพ้น้อย เมื่อฉีดเข้าไปใต้ผิวหนัง สารนี้จะช่วยเพิ่มความหนาแน่นและความยืดหยุ่นของผิว ส่งผลให้ผิวดูเต่งตึงและเรียบเนียนมากขึ้น
Sculptra กับ Gouri มีความต่างกันอย่างไร ?
Sculptra และ Gouri เป็นเทคนิคการฟื้นฟูผิวที่ได้รับความนิยม แต่มีความแตกต่างกันที่ Sculptra ที่เป็นสาร PLLA ที่มาในรูปแบบผงและต้องนำไปละลายก่อนฉีด
Sculptra และ Gouri ต่างเป็นวิธีการที่มุ่งเน้นการฟื้นฟูผิวโดยการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน แต่ Sculptra ใช้สารโพลีแอลแลคติกแอซิดและให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานกว่า ในขณะที่ Gouri ใช้สารโพลีแคพโรแลคโตน ซึ่งสามารถกระจายตัวได้ทั่วผิวหนังและให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและสม่ำเสมอมากขึ้น แต่ผลลัพธ์อาจอยู่ในระยะเวลาที่สั้นกว่า Sculptra
Sculptra กับ Exosome มีความต่างกันอย่างไร ?
Exosome เป็นวิธีการฟื้นฟูผิวที่ใช้เทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูง โดย Exosomes เป็นอนุภาคขนาดเล็กที่ปล่อยออกมาจากเซลล์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสื่อสารระหว่างเซลล์ และเป็นตัวกลางในการส่งสารสำคัญ เช่น โปรตีนและกรดนิวคลีอิก ไปยังเซลล์อื่นๆ เพื่อกระตุ้นการซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์ผิว เมื่อใช้ Exosomes ในการฟื้นฟูผิว มันจะช่วยกระตุ้นการซ่อมแซมเซลล์ที่เสียหาย ลดการอักเสบ และกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ สดใส และมีสุขภาพดีขึ้นอย่างรวดเร็ว ผลลัพธ์จาก Exosomes มักจะเห็นผลได้เร็วกว่า แต่ยังขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคลและอาจต้องทำซ้ำเพื่อรักษาผลลัพธ์
ส่วน Sculptra เน้นการบำรุงในชั้นผิวลึก ช่วยให้ผิวแน่นกระชับ ลดความหย่อนคล้อย และทำให้ใบหน้าดูเต็มอิ่ม ยกกระชับขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
งานวิจัยและความพึงพอใจหลังเติม Sculptra
ผลลัพธ์หลังเติม Sculptra จากข้อมูลทางวิทยาศาสตร์และทางคลินิกได้รับการพิสูจน์มาอย่างยาวนาน โดยมีงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ระดับโลกมากกว่า 50 ฉบับ และมีผู้เติม Sculptra ทั่วโลก ซึ่งหลังเติม Sculptra ได้รับความพึงพอใจในระดับสูง 25 เดือนจากผู้ใช้จริง ดังนี้
- 9 ใน 10 ราย พึงพอใจในผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ
- 8 ใน 10 ราย รู้สึกว่าการรักษามีความคุ้มค่า
- 9 ใน 10 ราย แนะนำ Sculptra ให้เพื่อนลองทำ
งานวิจัยและความพึงพอใจหลังเติม Sculptra
สำหรับ Sculptra คือ อนุภาคของ PLLA ( Poly-L-Lactic ) ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่ม Collagen Biostimulation ช่วยเติมตัวยาให้ร่างกายเกิดการสร้างคอลลาเจนขึ้นเองตามธรรมชาติ ช่วยให้ผิวหน้ายกกระชับ ผิวแน่น อิ่มฟู ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 25 เดือน ทั้งนี้ข้อแตกต่างจากทรีทเม้นท์งานผิวอื่นๆ มีดังนี้
Morpheus8
Morpheus8 เป็นเทคโนโลยีฟูผิว ใช้คลื่น RF ผ่าน Gold Coated Micropins ช่วยให้ผิวฟูใส กระชับเรียบเนียน โดยไม่ต้องผ่าตัด ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1 ปี
Rejuran
Rejuran เป็นนวัตกรรมผิวโกลว์ใส จาก DNA ปลาแซลมอนธรรมชาติ ได้มาตรฐานจาก KFDA จากประเทศเกาหลีใต้ ช่วยแก้ปัญหาผิวไม่ละเอียด รูขุมขนกว้าง ผิวบอบบางหรือแพ้ง่าย มีรอยแดงและรอยคล้ำ ผิวไม่สดใส ผิวแห้งขาดความชุ่มชื้นให้ผิวแลดูสุขภาพดี ผิวสดใสเปล่งปลั่งจากภายใน โดยผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6 เดือน
Rejuran
หรือโปรแกรมฟิลเลอร์ คือ ประกอบไปด้วยสารเติมเต็มประเภท Hyaluronic acid และ Glycerol ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น อิ่มฟู โดยผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-9 เดือน
คอลลาเจนคืออะไร มีความสำคัญอย่างไร ?
คอลลาเจน (Collagen) คือโปรตีนชนิดหนึ่งที่พบมากในร่างกายมนุษย์ โดยเฉพาะในผิวหนัง กระดูก กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และเนื้อเยื่อต่าง ๆ คอลลาเจนทำหน้าที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานของเนื้อเยื่อ ช่วยให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่น แข็งแรง และเรียบเนียน นอกจากนี้ยังช่วยในการฟื้นฟูเซลล์และซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่สึกหรอในร่างกาย
โดยคอลลาเจนแบ่งออกเป็น 5 ชนิดหลัก ๆ ตามหน้าที่และแหล่งที่พบในร่างกายดังนี้
- คอลลาเจนชนิดที่ 1 (Type I Collagen) คอลลาเจนชนิดนี้เป็นชนิดที่พบมากที่สุดในร่างกายมนุษย์ คิดเป็นประมาณ 90% ของคอลลาเจนทั้งหมด พบมากในผิวหนัง กระดูก เส้นเอ็น และเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างความแข็งแรงและความยืดหยุ่นของผิวหนัง ช่วยในการสมานแผลและลดริ้วรอย
- คอลลาเจนชนิดที่ 2 (Type II Collagen) พบมากในกระดูกอ่อน ซึ่งทำหน้าที่เป็นส่วนประกอบหลักของกระดูกอ่อนและข้อต่อ ช่วยลดการเสียดสีของข้อต่อ ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคข้อเสื่อมและอาการปวดข้อต่อ
- คอลลาเจนชนิดที่ 3 (Type III Collagen) พบมากในผิวหนัง หลอดเลือด และอวัยวะภายในต่าง ๆ คอลลาเจนชนิดนี้มีส่วนช่วยในการบำรุงรักษาและฟื้นฟูเนื้อเยื่อที่ต้องการความยืดหยุ่นสูง เช่น ผิวหนังและหลอดเลือด
- คอลลาเจนชนิดที่ 4 (Type IV Collagen) พบมากในเนื้อเยื่อพื้นฐานที่อยู่ระหว่างชั้นของเซลล์และเนื้อเยื่อ เช่น ชั้นฐานของผิวหนัง (Basement membrane) คอลลาเจนชนิดนี้มีบทบาทสำคัญในการกรองสารอาหารและสารต่าง ๆ ที่เข้าสู่เนื้อเยื่อ
- คอลลาเจนชนิดที่ 5 (Type V Collagen) พบในพื้นฐานของเซลล์ (Cell membrane) และเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนโครงสร้างของเนื้อเยื่อและการสร้างเส้นใยคอลลาเจนชนิดที่ 1 และ 3 ซึ่งช่วยในการเสริมความแข็งแรงของผิวหนัง เส้นผม และเนื้อเยื่อเกี่ยวพันอื่น ๆ
ทำไมเราต้อง เติมคอลลาเจน ให้ผิว?
สาเหตุที่เราต้องเติมคอลลาเจนให้ผิว เพราะคอลลาเจนเป็นหนึ่งในโปรตีนที่มีปริมาณมากที่สุดในร่างกาย คอลลาเจนสร้างขึ้นจากเซลล์ ‘ ไฟโบรบลาสต์ ’ ( Fibroblast ) มีความสำคัญต่อผิวในการช่วยคงความอ่อนเยาว์ เมื่อเราอายุ 20 ปีขึ้นไป ระดับคอลลาเจนในผิวจะเสื่อมสภาพ ความหนาแน่นของคอลลาเจนในผิวจะลดลง และการสร้างคอลลาเจนใหม่ทดแทนคอลลาเจนที่สูญเสียไปก็น้อยลงด้วย ดังนั้น จึงสรุปได้ว่าคอลลาเจนในผิวของเราจะลดลงอย่างต่อเนื่องประมาณ 1% ต่อปี ตัวอย่างเช่น
- เมื่ออายุ 35 ปี ผิวสูญเสียคอลลาเจนสูงถึง 15%
- เมื่ออายุ 45 ปี ผิวสูญเสียคอลลาเจนสูงถึง 25%
- เมื่ออายุ 55 ปี ผิวสูญเสียคอลลาเจนสูงถึง 35%
วิธีการเติมคอลลาเจนให้ผิว มีแบบไหนบ้าง
กินคอลลาเจน – วิธีมาตรฐานทั่วไป เพราะง่ายและสะดวก แต่คอลลาเจนจะถูกดูดซึมไปที่ผิวหนังน้อยมาก เพราะต้องผ่านกระบวนการย่อยอาหาร
ทาคอลลาเจน – เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีส่วนผสมของคอลลาเจน มาทำบำรุงผิวเช้า-เย็น เนื่องจากผิวหนังมีหลายชั้น และ คอลลาเจนมีโครงสร้างที่เป็นโปรตีน มีโมเลกุลใหญ่ ทำให้ซึมซับยาก
ฉีดคอลลาเจน – เป็นวิธีการเติมคอลลาเจนให้ผิวที่ได้ประสิทธิภาพ เพราะเข้าสู่ผิวหนังได้โดยตรงเลย ปลอดภัย และไม่เป็นอันตรายกับร่างกาย เห็นผลได้ไวด้วย
เมื่อเทียบกันทั้ง 3 รูปแบบที่กล่าวมา ทางการแพทย์จึงได้คิดค้น Sculptra เพื่อช่วยกระตุ้นคอลลาเจน พร้อมทั้งเรียกคืนคอลลาเจน และนำพาความอ่อนเยาว์กลับมาสู่ผิวหน้าคุณ
การเติม Sculptra เหมาะกับใคร?
สำหรับการเติม Sculptra สามารถเติมได้ตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป จะใช้เติมบริเวณใบหน้าที่มีร่องลึก หลักๆ ช่วยแก้ปัญหาผิวหน้า เช่น รอยย่น ริ้วรอยต่างๆ รอยพับ รอยแผลเป็น รวมไปถึงผิวหนังที่เสื่อมสภาพตามวัย ซึ่งเหมาะกับ
- ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย และผิวไม่กระชับ
- ผู้ที่ผิวไม่เต่งตึงเหมือนเดิม ด้วยอายุที่เพิ่มมากขึ้น
- ผู้ที่ผิวขาดความยืดหยุ่น
- ผู้ที่กรอบหน้าไม่ชัด
- เริ่มมีริ้วรอยที่เห็นได้ชัด ซึ่งเกิดขึ้นตามวัย
- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติอย่างยาวนาน
และไม่เหมาะกับใคร
ผู้ที่ตั้งครรภ์ ให้นมบุตร หรืออายุต่ำกว่า 18 ปี ไม่ควรเติม Sculptra
การเตรียมตัวก่อนเติม Sculptra
- ผู้ที่ต้องการเติม Sculptra แต่ผิวหนังมีอาการอักเสบ เริม ผื่น สิว หรือลมพิษ ห้ามเติม Sculptra หากมีควรรักษาให้หายก่อนการรักษา
- ต้องไม่ทำหัตถการอื่นๆ บริเวณใบหน้าก่อนมาเติม Sculptra 2–4 สัปดาห์
- ผู้ที่ใช้ยากลุ่ม NSAIDS ยาแก้ปวด กลุ่มยาแอสไพริน วิตามิน E น้ำมันปลา ฯลฯ ควรหยุดยาก่อนและหลังเติมอย่างน้อย 2 สัปดาห์
- ควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 1-3 วัน ก่อนเติม Sculptra เพื่อให้ผิวได้ฟื้นฟูคอลลาเจนเต็มที่
ขั้นตอนการเติม Sculptra
- แพทย์ประเมินผิว ออกแบบการรักษา จำนวนที่ใช้ให้ได้ผลลัพธ์ตรงกับปัญหาผิวของคุณ พร้อมทั้งให้คำแนะนำเกี่ยวกับการรักษาและการนวดหลังเติม Sculptra
- พนักงานทำความสะอาดผิวให้คุณ
- แพทย์ผู้ชำนาญการทำการรักษา โดยการเติม Sculptra เป็นวิธีการเดินยาด้วยเข็ม ซึ่งมีการผสมยาชาเทคนิคลดเจ็บเฉพาะของ AES CLASS CLINIC ที่เจ็บน้อยกว่า โดยใช้เวลาประมาณ 45 นาที – 1 ชั่วโมง เวลาขึ้นอยู่กับบริเวณที่รักษาและจำนวนเติม
- รักษาเสร็จเรียบร้อย มีการนวดเพื่อให้ Sculptra กระจายทั่วผิวและออกฤทธิ์อย่างเต็มที่
- เมื่อแพทย์ทำการรักษาเสร็จ พนักงานจะทำความสะอาดผิว พร้อมทาครีมบำรุงและกันแดดให้คนไข้
เทคนิคการนวดหลังเติม Sculptra เพื่อคงผลลัพธ์ที่ดี
หลังทำ Sculptra จำเป็นต้องใช้เทคนิคการนวด เพราะช่วยให้อนุภาคของ PLLA กระจายตัวทั่วใบหน้า และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราจะใช้หลักการนวด 5 x 5 x 5 คือ 5 นาที 5 ครั้งต่อวัน ติดต่อกัน 5 วัน ซึ่งสามารถนวดตามขั้นตอนง่าย ๆ ในภาพด้านบน 4 ขั้นตอน ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 – ใช้นิ้วหัวแม่มือกดบริเวณขมับทั้ง 2 ข้าง และใช้กำปั้นค่อยๆ นวดเคลื่อนจากบริเวณหน้าผากไปทางขมับด้านข้าง (ตามภาพ)
ขั้นตอนที่ 2 – ใช้อุ้งมือกดบริเวณช่วงข้างแก้ม แล้วค่อยๆ นวดไล่จากด้านล่างขึ้นไปด้านบนจนถึงโหนกแก้ม ทำซ้ำไปมาหลายๆ ครั้ง เพื่อช่วยกระชับผิวหน้า
ขั้นตอนที่ 3 – ทำมือในลักษณะยกนิ้วหัวแม่มือขึ้น แนบบริเวณแก้มทั้งสองข้าง (ตามภาพ) แล้วค่อยๆ เลื่อนจากหน้าแก้มออกไปบริเวณข้างแก้มพร้อมกัน โดยกดแล้วค่อยๆ เลื่อนอย่างช้าๆ
ขั้นตอนที่ 4 – ทำมือลักษณะเดียวกับขั้นตอนที่ 2 บริเวณดวงตาแล้วค่อยๆ เลื่อนขึ้นไปตามแนวกราม
ผลข้างเคียงหลังฉีด Sculptra
หลังการฉีด Sculptra อาจมีผลข้างเคียงที่พบได้บ่อย เช่น อาการบวม แดง และเจ็บปวดบริเวณที่ฉีด ซึ่งมักจะหายไปเองภายในไม่กี่วัน บางรายอาจพบรอยฟกช้ำหรือก้อนเล็ก ๆ ใต้ผิวหนังที่สามารถรู้สึกได้เมื่อสัมผัส ซึ่งส่วนใหญ่จะค่อย ๆ สลายไปเองในช่วงเวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน อย่างไรก็ตาม หากมีอาการบวมแดงรุนแรง หรือรู้สึกเจ็บปวดมากผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์ เพราะอาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อหรือปฏิกิริยาที่ไม่พึงประสงค์จากการฉีด
หลังฉีด Sculptra ควรดูแลตัวเองอย่างไร ?
- แนะนำให้นวดเบา ๆ ในบริเวณที่ฉีด Sculptra วันละ 5 นาที เป็นเวลา 5 ครั้งต่อวัน ติดต่อกันเป็นเวลา 5 วัน เพื่อช่วยกระจายสารและป้องกันการเกิดก้อนแข็งใต้ผิวหนัง
- ควรหลีกเลี่ยงการโดนความร้อนโดยตรง เช่น แสงแดดที่แรง ซาวน่า หรือห้องอบไอน้ำ เป็นเวลาอย่างน้อย 1 สัปดาห์หลังการฉีด เพื่อป้องกันการระคายเคืองหรืออาการบวม
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก ในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก ที่ทำให้เหงื่อออกมาก เพื่อลดความเสี่ยงของการบวมและอาการอักเสบ
- หากมีอาการบวม แดง หรือรู้สึกไม่สบายบริเวณที่ฉีด แพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยาลดบวม หรือยาแก้ปวดตามความจำเป็น
- หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของกรดหรือสารที่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองในบริเวณที่ฉีด อย่างน้อย 1 สัปดาห์
- ควรกลับไปพบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามผลลัพธ์และปรึกษาเกี่ยวกับการดูแลเพิ่มเติมหากมีปัญหาใด ๆ
หลังฉีด Sculptra กี่วันเห็นผล ?
การฉีด Sculptra มักจะเริ่มเห็นผลลัพธ์เบื้องต้นภายใน 4-6 สัปดาห์หลังการฉีดครั้งแรก แต่ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและเต็มที่มักจะปรากฏหลังจากการรักษาครั้งสุดท้ายประมาณ 3-4 เดือน ทั้งนี้ เนื่องจาก Sculptra ทำงานโดยการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในผิว ซึ่งเป็นกระบวนการที่ใช้เวลาและค่อยเป็นค่อยไป ผลลัพธ์จาก Sculptra จะค่อย ๆ เห็นได้ชัดเจนขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปและสามารถคงอยู่ได้ยาวนานถึง 2 ปีหรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาและสภาพผิวของแต่ละบุคคล
การคงผลลัพธ์ของ Sculptra ควรเติมกี่ครั้งดี
การเติม Sculptra แต่ละครั้งควรห่างกัน 4-6 สัปดาห์ และการเติมเพื่อรักษาความหย่อนคล้อย แนะนำให้เติม 2-3 Session โดยแพทย์ผู้ชำนาญการจะเป็นผู้ประเมินจำนวนที่เติมให้เหมาะสมเฉพาะบุคคล และต้องกลับมาติดตามผลอย่างต่อเนื่อง เพื่อประเมินการตอบสนองและการกระตุ้นคอลลาเจนของร่างกาย
ผลลัพธ์ Sculptra อยู่ได้นานแค่ไหน ?
Sculptra เป็นการช่วยยกกระชับและกระตุ้นคอลลาเจน ผลลัพธ์อยู่ได้นานต่อเนื่องถึง 25 เดือน
***ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวและการดูแลตัวเองของแต่ละบุคคล***
การเติม Sculptra อันตรายไหม
Sculptra ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ประเทศสหรัฐอเมริกา หรือ US-FDA ให้ใช้ Sculptra ได้ในการรักษาดูแลผิวและความงามมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี ค.ศ. 2009 และ Sculptra ถือเป็นสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตัวแรกของโลกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก US-FDA และใช้ในมากกว่า 40 ประเทศทั่วโลก อีกทั้งยังมีงานวิจัยมากมายว่ามีผู้ใช้พึงพอใจกับผลลัพธ์
การฉีด Sculptra มีข้อควรระวังอะไรบ้าง ?
- ควรเลือกแพทย์ที่มีประสบการณ์และได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีในการฉีด Sculptra เพื่อป้องกันการฉีดผิดตำแหน่งหรือผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์
- หากมีการติดเชื้อ ผิวหนังอักเสบ หรือมีแผลเปิดในบริเวณที่จะฉีด ควรรอให้หายดีก่อนฉีด Sculptra เพื่อป้องกันการติดเชื้อเพิ่มเติม
- แจ้งประวัติการแพ้ยา: หากคุณมีประวัติแพ้ยาหรือสารที่ใช้ใน Sculptra ควรแจ้งให้แพทย์ทราบล่วงหน้า เพื่อป้องกันอาการแพ้หรือปฏิกิริยาทางผิวหนัง
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาหรืออาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน วิตามินอี หรือยาแก้อักเสบ ก่อนการฉีดประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดรอยช้ำหรือเลือดออกง่าย
- หลังการฉีด Sculptra แพทย์อาจแนะนำให้คุณนวดบริเวณที่ฉีดเบา ๆ ตามที่กล่าวไว้ในขั้นตอนการดูแล แต่ควรระมัดระวังไม่ให้นวดหรือกดแรงเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดการเคลื่อนย้ายของสารที่ฉีด
- หากมีอาการบวมแดงรุนแรง มีไข้ หรือรู้สึกเจ็บปวดมากผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที เนื่องจากอาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อหรือปฏิกิริยาที่ไม่พึงประสงค์
- หลีกเลี่ยงการฉีดในบริเวณที่เคยฉีดฟิลเลอร์ชนิดถาวร
วิธีดู Sculptra ว่าเป็นของแท้ดูยังไง ?
สามารถ ตรวจสอบรายชื่อคลินิกที่ให้บริการผลิตภัณฑ์ Sculptra โดยบริษัทกัลเดอร์มา (ประเทศไทย) ได้ที่ www.galdermaaestheticsthailand.com/clinic หรือสามารถตรวจสอบตัวกล่อง Sculptra ว่าเป็นของแท้หรือไม่ เช็กได้จาก 5 วิธีนี้
- กล่องแท้ต้องมีสติ๊กเกอร์โมโนแกรมบนกล่อง ไม่ถูกเปิดออก และอยู่ในสภาพสมบูรณ์
- มีสัญลักษณ์ลายน้ำรูปตัว S แบบนูนที่หน้ากล่อง
- ด้านข้างกล่องมีเลข อย. และเอกสารกำกับการใช้ภาษาไทย
- ตัวขวด Sculptra มีลักษณะสุญญากาศ โดยด้านในเป็นผง PLLA แบบ Powder แห้งและไม่มีของเหลวผสม
- ด้านข้างกล่องมี QR Code สำหรับให้สแกนเพื่อตรวจสอบผ่านแอปพลิเคชั่น eZTracker (แอปตรวจเช็คผลิตภัณฑ์ความงามว่าแท้หรือปลอม)
ยกกระชับระดับเอสคลาส ที่ AES CLASS CLINIC พร้อมดูแลคุณทั้งรักสวยและรักษาดูแลผิวพรรณ ให้คุณรักตัวเองอย่างมั่นใจขึ้น ด้วยแพทย์เปี่ยมประสบการณ์ และเครื่องมือมาตรฐานระดับ Gold Standard ปรึกษาปัญหาผิวฟรี! ได้ที่ LINE
อัปเดต Sculptra ราคาเท่าไหร่ ?
ราคาของ Sculptra อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสถานที่ให้บริการ ขนาดและจำนวนครั้งในการฉีด โดยทั่วไปแล้ว ราคาจะอยู่ในช่วงประมาณ 20,000 ถึง 50,000 บาทต่อครั้ง โดยราคาสามารถแตกต่างได้ตามปัจจัยต่าง ๆ เช่น ประสบการณ์ของแพทย์ สถานพยาบาล และปริมาณสารที่ใช้
แนะนำให้ปรึกษากับคลินิกหรือสถานพยาบาลเพื่อขอคำแนะนำและประมาณการราคาที่ชัดเจน
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Sculptra
Sculptra ราคาเท่าไหร่
การทำ Sculptra ราคาเท่าไหร่ ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไข ซึ่งจะมีแพทย์ผู้ชำนาญการคอยประเมินปัญหาผิว สามารถทักสอบถาม หรือประเมินผิวฟรี โดยแพทย์ผู้ชำนาญ พร้อมออกแบบราคาที่เหมาะสมกับคุณมากที่สุด และพร้อมรับโปรโมชั่นราคาสุดคุ้ม ได้ที่นี่
Sculptra ดีไหม
Sculptra มีการใช้งานมาแล้ว ตั้งแต่ปี ค.ศ.2009 โดยมีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์และทางคลินิกที่ได้รับการพิสูจน์มาอย่างยาวนาน พร้อมทั้งมีงานวิจัยตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ระดับโลกมากกว่า 50 ฉบับ และมีผู้เติม Sculptra ในหลากหลายประเทศทั่วโลกและมีผลลัพธ์ที่พึงพอใจ
Sculptra อันตรายไหม
Sculptra ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ประเทศสหรัฐอเมริกา หรือ US-FDA และยังเป็นสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตัวแรกของโลกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก US-FDA และใช้ในมากกว่า 40 ประเทศทั่วโลกอีกด้วย
Sculptra ฉีดตรงไหนได้บ้าง
สำหรับบริเวณที่ฉีดจะขึ้นอยู่กับแพทย์ผู้ชำนาญการที่ออกแบบการรักษาให้เหมาะกับสภาพผิวแต่ละบุคคล โดยการเติม Sculptra จะเป็นบริเวณใบหน้า ได้แก่ ชั้นผิวหนังแท้ (Deep dermis) และชั้นใต้ผิวหนัง (Subcutaneous)
คอลลาเจนช่วยอะไรได้บ้าง
คอลลาเจน (Collagen) คือ โปรตีนสายยาวที่เป็นโครงสร้างหลักในเนื้อเยื่อเกี่ยวพันของมนุษย์ เช่น ผิวหนัง เส้นเอ็น และหลอดเลือด และบริเวณผิวหนังจะประกอบไปด้วยคอลลาเจนถึง 75% ทำให้คอลลาเจนมีบทบาทสำคัญในการทำให้เนื้อเยื่อมีความยืดหยุ่น แข็งแรง และช่วยเก็บกักความชุ่มชื้นให้ผิว
Sculptra ควรฉีดกี่ครั้ง
การเติม Sculptra แต่ละครั้งควรห่างกัน 4-6 สัปดาห์ และการเติมเพื่อรักษาความหย่อนคล้อย แนะนำให้เติม 2-3 Session โดยแพทย์ผู้ชำนาญการจะเป็นผู้ประเมินจำนวนที่เติมให้เหมาะสมเฉพาะบุคคล
ทำไม Sculptra ต้องนวด
เพื่อช่วยให้อนุภาคสารกระจายตัวไปทั่วใบหน้า กระตุ้นคอลลาเจน ทำให้ผลลัพธ์ดียิ่งขึ้นหลังการทำ Sculptra โดยการนวดจะใช้หลัก 5 x 5 x 5 คือ 5 นาที 5 ครั้งต่อวัน ติดต่อกัน 5 วัน
Sculptra เจ็บไหม
หากทำที่ AES CLASS CLINIC จะมีแพทย์ผู้ชำนาญการทำการรักษา ก่อนทำการรักษาเราจะมีการผสมยาชาเทคนิคลดเจ็บเฉพาะของ AES CLASS CLINIC ที่เจ็บน้อยกว่า โดยใช้เวลาประมาณ 45 นาที – 1 ชั่วโมง เวลาขึ้นอยู่กับบริเวณที่รักษาและจำนวนเติม
Sculptra อ่านว่าอะไร
Sculptra อ่านว่า สกัลป์ทรา คือ ผลิตภัณฑ์สำหรับเติมและดูแลผิวที่มีส่วนประกอบหลัก คือ อนุภาคของกรด Poly-L-Lactic ( โพลี-แอล-แลกติก ) หรือ PLLA
Sculptra อยู่ได้นานแค่ไหน ?
Sculptra ยกกระชับและกระตุ้นคอลลาเจน ผลลัพธ์อยู่ได้นานต่อเนื่องถึง 25 เดือน
***ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวและการดูแลตัวเองของแต่ละบุคคล***