อัลเทอร่า ที่ไหนดี แนะนำที่ AES CLASS CLINIC ซึ่งเป็นคลินิกให้บริการด้านยกกระชับและรักษาดูแลผิวพรรณ ด้วยเครื่องมือแพทย์ระดับ Gold Standard ชั้นนำของประเทศ ทำการรักษาโดยมีแพทย์ผู้ชำนาญการที่มีประสบการณ์และเทคนิคเฉพาะตัว มีการประเมินและออกแบบการรักษาสำหรับคนไข้แต่ละบุคคล ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจและมีการดูแลอย่างปลอดภัย

สำหรับ Ulthera ที่ AES CLASS CLINIC เราใช้เครื่องอัลเทอร่ารุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่งเป็นเครื่อง Ulthera ที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) เป็นเครื่องที่มีประสิทธิภาพในการยกกระชับผิวชั้นลึกถึงระดับ SMAS ทำให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน

บริเวณที่สามารถทำ Ulthera ได้ ได้แก่ ใบหน้าทั้งหมด, ใบหน้าส่วนบน ได้แก่ หน้าผาก แก้ม หางตา, ใบหน้าส่วนล่าง ได้แก่ คาง เหนียง, ลำคอ, หน้าอก, ท้อง และต้นขา แต่บริเวณที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในการทำ Ulthera คือใบหน้าทั้งหมด เนื่องจากเป็นจุดที่คนไข้มักมีความกังวลและหลังทำ Ulthera จะเห็นผลลัพธ์ความเปลี่ยนแปลงผิวยกกระชับ กรอบหน้าชัด คืนความมั่นใจขึ้นอย่างชัดเจนตั้งแต่หลังทำ โดยก่อนทำ Ulthera ควรปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการ ในการประเมินปัญหาผิวและความต้องการของคนไข้ เพื่อออกแบบการรักษาให้ผลลัพธ์น่าพึงพอใจ

จำนวน Line ในการทำ Ulthera ทั่วหน้าจะขึ้นอยู่กับปัญหาผิวและความหย่อนคล้อยของใบหน้าของแต่ละบุคคล โดยปกติแล้วจะใช้ประมาณ 300-500 Lines แต่หากมีผิวที่หย่อนคล้อยมาก อาจต้องใช้ Line มากกว่า 500 Lines

ปกติหลังทำ Ulthera จะไม่มีอาการบวม แต่จะมีรอยแดงหรืออมชมพูจากพลังงานที่ส่งลงสู่ชั้นผิวระหว่างทำการรักษา ซึ่งจะหายไปได้เองใน 1-2 ชั่วโมง และหลังทำคนไข้สามารถใช้ชีวิตประจำวันหรือแต่งหน้าได้ตามปกติ หากคนไข้มีอาการบวมหรือความกังวล หรือพบอาการข้างเคียงอื่นๆ สามารถปรึกษาแพทย์และพนักงานได้ทันที

Ulthera เป็นเทคโนโลยียกกระชับผิวที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย แต่อาจเกิดผลข้างเคียงได้บ้าง โดยผลข้างเคียงที่อาจพบได้ เช่น อาการบวมแดงหรือเขียวช้ำบริเวณที่ทำ Ulthera หากมีควรปรึกษาแพทย์

การทำ Ulthera สามารถทำได้ในหลายบริเวณของร่างกายที่ต้องการยกกระชับผิวและลดริ้วรอย โดยบริเวณที่นิยมทำมีดังนี้:

• หน้าผาก: ยกกระชับบริเวณหน้าผากและยกคิ้ว
• รอบดวงตา: ลดริ้วรอยรอบดวงตา และยกกระชับบริเวณหนังตา
• แก้ม: ยกกระชับผิวบริเวณแก้มและขากรรไกร เพื่อให้กรอบหน้าชัดเจนขึ้น
• ร่องแก้ม: ลดความลึกของร่องแก้ม
• คางและกรอบหน้า: กระชับผิวบริเวณคางและกรอบหน้าเพื่อให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น
• ลำคอ: บริเวณลำคอและใต้คาง: ยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยบริเวณลำคอและใต้คาง เพื่อแก้ปัญหาคางสองชั้น
• หน้าอก: บริเวณเนินอก: ยกกระชับผิวบริเวณเนินอก เพื่อลดความหย่อนคล้อยและริ้วรอย
• หน้าท้อง: บริเวณหน้าท้อง: สำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยหลังการลดน้ำหนักหรือหลังคลอดบุตร
• บริเวณต้นแขน: ยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อยบริเวณต้นแขน

การทำ Ulthera ในแต่ละบริเวณจะช่วยให้ผิวดูยกกระชับขึ้น และช่วยลดริ้วรอยและความหย่อนคล้อยที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติของวัย

1. แพทย์ออกแบบการรักษา
   ก่อนทำอัลเทอร่า แพทย์ AES CLASS CLINIC จะวิเคราะห์ปัญหาผิวและออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล
2. ทายาชา
   ก่อนยกกระชับผิวด้วยอัลเทอร่า จะมีการทายาชาเทคนิคลดเจ็บเฉพาะ ที่ AES CLASS CLINIC และรอยาชาออกฤทธิ์ประมาณ 1.5-2 ชั่วโมง
3. แพทย์ทำการรักษา
   แพทย์ผู้ชำนาญการยกกระชับผิวด้วย เครื่อง Ultherapy ทำการรักษาให้คนไข้ ขณะทำคนไข้จะรู้สึกอุ่นๆ ที่ผิว โดยใช้เวลาประมาณ 45 นาที เวลาที่ใช้ขึ้นอยู่กับบริเวณและจำนวน Line ที่ใช้
4. รักษาเรียบร้อย
   เมื่อแพทย์ทำการรักษาเสร็จ พนักงานจะทำความสะอาดผิว พร้อมทาครีมบำรุงและกันแดดให้คนไข้
5. การติดตามผล
   หลังทำ Ulthera ที่เอสคลาสคลินิกจะมีการติดตามผลเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง

วิธีดูแล และคำแนะนำหลังทำ Ulthera นั้น โดยปกติแล้วหลังทำ Ulthera พักหน้า 1-2 ชั่วโมง ก็สามารถแต่งหน้า และใช้ชีวิตประจำวันได้เลย ไม่มีพักฟื้น นอกจากนี้ยังมีคำแนะนำอื่น ๆ เช่น

• หลังรักษาอาจมีรอยแดงอมชมพูที่ผิวหรืออาจรู้สึกอุ่นๆ ที่ผิวเล็กน้อย คนไข้ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสผิวแรงๆ เนื่องจากระยะแรกผิวอาจมีอาการระบมอยู่บ้าง ซึ่งจะหายเป็นปกติภายใน 48 ชั่วโมง
• หากต้องออกแดดควรทาครีมกันแดดที่มี SPF 50 ขึ้นไป
• การรักษาครั้งเดียวผลลัพธ์อยู่ได้นาน 1 – 1.5 ปี (ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองและสภาพผิวของแต่ละบุคคล) ซึ่งคนไข้สามารถมารักษาได้ต่อเนื่องทุก 6 เดือน – 1 ปี เพื่อคงความยกกระชับและความอ่อนเยาว์ของผิวไว้

การทำ Ulthera ถือว่าเป็นวิธีการยกกระชับผิวที่มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากใช้เทคโนโลยีอัลตราซาวด์ที่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) อย่างไรก็ตาม การทำ Ulthera อาจมีผลข้างเคียงบางอย่างที่ควรรู้ เช่น

1. อาการบวมและแดง: หลังการรักษาอาจมีอาการบวมและแดงบริเวณที่ทำ ซึ่งอาการเหล่านี้มักหายไปภายในไม่กี่ชั่วโมงถึงสองสามวัน
2. ความรู้สึกชาหรือเจ็บ: บางคนอาจรู้สึกชาหรือเจ็บเล็กน้อยบริเวณที่ทำการรักษา ซึ่งจะค่อยๆ หายไปเอง
3. ผิวแพ้ง่าย: ในบางกรณีอาจมีอาการแพ้หรือผื่นขึ้นได้ หากผิวหนังของผู้รับการรักษาไวต่อการกระตุ้น
4. ผลลัพธ์ไม่ทันที: ผลลัพธ์จากการทำ Ulthera จะค่อยๆ เห็นผลในช่วง 2-3 เดือนหลังการรักษา

ถึงแม้ Ulthera จะมีความปลอดภัยสูง แต่การทำโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์และการดูแลหลังการรักษาเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง

หลังจากการทำ Ulthera อาการบวมที่อาจเกิดขึ้นจะค่อยๆ ลดลงภายใน 1-3 วัน ในบางกรณีอาจใช้เวลานานกว่านี้เล็กน้อย ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล อย่างไรก็ตาม อาการบวมมักไม่รุนแรงและไม่จำเป็นต้องหยุดกิจกรรมประจำวัน

สำหรับผลลัพธ์ของการทำ Ulthera จะค่อยๆ เห็นผลชัดเจนขึ้นในช่วง 2-3 เดือนหลังการรักษา เนื่องจากกระบวนการสร้างคอลลาเจนใหม่ใต้ผิวหนังต้องใช้เวลา ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นการยกกระชับผิวที่เป็นธรรมชาติและคงอยู่ได้นาน 1-2 ปี

การทำ Ulthera สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นๆ ได้อย่างปลอดภัย ขึ้นอยู่กับความต้องการและปัญหาผิวของผู้เข้ารับการรักษา โดยหัตถการที่สามารถทำร่วมกับ Ulthera ได้มีหลายประเภท เช่น

• โบท็อกซ์ (Botox): ช่วยลดริ้วรอยและยกกระชับผิวบริเวณที่มีปัญหาเฉพาะจุด ควบคู่กับการยกกระชับทั่วใบหน้าจาก Ulthera
• ฟิลเลอร์ (Filler): ใช้เติมเต็มริ้วรอยลึกหรือปรับรูปหน้าในบางจุด เพื่อเสริมผลลัพธ์จากการทำ Ulthera ให้ดูสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
• เลเซอร์ผิวหนัง: เช่น เลเซอร์ลดจุดด่างดำหรือเลเซอร์กระชับรูขุมขน สามารถทำร่วมกับ Ulthera ได้เพื่อปรับปรุงสภาพผิวโดยรวม
• การทำเมโสเทอราพี (Mesotherapy): ใช้สำหรับการบำรุงผิวและฟื้นฟูสภาพผิวจากภายใน สามารถทำร่วมกับ Ulthera เพื่อเพิ่มความกระชับและความสดใสให้กับผิว

การทำ Ulthera ร่วมกับหัตถการอื่นๆ จะต้องได้รับการประเมินจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าการรักษาจะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัย

Ulthera และ Thermage เป็นหัตถการที่ใช้ในการยกกระชับผิวและลดริ้วรอย แต่ทั้งสองมีเทคโนโลยีและกลไกการทำงานที่แตกต่างกัน ดังนี้

1. เทคโนโลยีที่ใช้: 

• Ulthera: ใช้เทคโนโลยีอัลตราซาวด์ที่มีความถี่สูง (High-Intensity Focused Ultrasound) ส่งพลังงานลงไปยังชั้นผิวลึกถึงระดับ SMAS ซึ่งเป็นชั้นผิวที่แพทย์ศัลยกรรมใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและยกกระชับผิวจากภายใน
• Thermage: ใช้เทคโนโลยีคลื่นความถี่วิทยุ (Radiofrequency: RF) ส่งพลังงานความร้อนลงไปยังชั้นผิวหนังเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและกระชับผิว แต่จะไม่ลงลึกเท่ากับ Ulthera

2. บริเวณที่ทำได้:

• Ulthera: เหมาะสำหรับการยกกระชับผิวหน้า ลำคอ และส่วนอื่นๆ ของร่างกาย เช่น หน้าท้อง ต้นแขน โดยเฉพาะบริเวณที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยอย่างมาก
• Thermage: สามารถใช้ได้ทั่วร่างกาย เช่น ใบหน้า ลำคอ แขน ขา และหน้าท้อง เหมาะกับการกระชับผิวที่ไม่หย่อนคล้อยมากนัก และยังช่วยในการลดเซลลูไลท์ได้ด้วย

3. ความรู้สึกขณะทำ:

• Ulthera: อาจรู้สึกเจ็บหรือไม่สบายตัวมากกว่า เนื่องจากพลังงานอัลตราซาวด์ถูกส่งลงไปในชั้นผิวลึกกว่า
• Thermage: ความรู้สึกเจ็บขณะทำจะน้อยกว่า Ulthera เพราะคลื่นความถี่วิทยุทำงานในชั้นผิวที่ตื้นกว่า

4. ผลลัพธ์และระยะเวลาที่เห็นผล:

• Ulthera: ผลลัพธ์จะค่อยๆ เห็นชัดขึ้นในช่วง 2-3 เดือนหลังการรักษา และคงอยู่ได้นาน 1-2 ปี
• Thermage: ผลลัพธ์จะเริ่มเห็นได้ในทันทีหลังการรักษา และจะค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ ในช่วง 6 เดือนหลังการรักษา โดยผลลัพธ์อาจคงอยู่ได้นาน 1-1.5 ปี

5. ค่าใช้จ่าย:

• Ulthera: มักมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีที่ลงลึกกว่าและใช้เวลาทำการรักษานานกว่า
• Thermage: ค่าใช้จ่ายจะต่ำกว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับ Ulthera

ทั้ง Ulthera และ Thermage มีข้อดีในตัวเอง ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวและความต้องการของผู้รับการรักษา ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกวิธีที่เหมาะสมกับคุณมากที่สุด

อัลเทอร่า (Ulthera) และ ไฮฟู (HIFU) เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ในการยกกระชับผิวและลดริ้วรอย โดยทั้งสองใช้คลื่นอัลตราซาวด์ในการทำงาน แต่มีความแตกต่างกันในหลายๆ ด้าน ดังนี้:

1. เทคโนโลยีที่ใช้:

• Ulthera: ใช้เทคโนโลยีอัลตราซาวด์ความถี่สูงที่มีการโฟกัสพลังงานอย่างแม่นยำ (High-Intensity Focused Ultrasound) เพื่อส่งพลังงานลงลึกไปยังชั้น SMAS ของผิวหนัง ซึ่งเป็นชั้นที่แพทย์ศัลยกรรมใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า ทำให้สามารถยกกระชับผิวได้ลึกและมีประสิทธิภาพสูง
• HIFU: ใช้เทคโนโลยีอัลตราซาวด์ที่มีความถี่สูงในการส่งพลังงานลงไปยังชั้นผิวหนังเช่นเดียวกัน แต่ HIFU อาจไม่ลงลึกเท่ากับ Ulthera และความแม่นยำในการโฟกัสพลังงานอาจไม่สูงเท่ากับ Ulthera

2. ความแม่นยำและผลลัพธ์:

• Ulthera: มีความแม่นยำสูงในการโฟกัสพลังงานลงไปยังชั้น SMAS ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้มีความคงทนและเห็นผลชัดเจน โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยอย่างมาก
• HIFU: แม้ว่าจะให้ผลลัพธ์ในการยกกระชับผิวได้เช่นกัน แต่ในบางกรณีอาจให้ผลลัพธ์ที่น้อยกว่า Ulthera โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยมาก

3. ความรู้สึกขณะทำ:

• Ulthera: อาจรู้สึกเจ็บหรือไม่สบายตัวขณะทำ เนื่องจากพลังงานถูกส่งลงไปในชั้นผิวที่ลึกกว่า
• HIFU: โดยทั่วไปจะรู้สึกเจ็บน้อยกว่า Ulthera แต่ก็ขึ้นอยู่กับความไวของผิวแต่ละบุคคล

4. ผลลัพธ์และระยะเวลาที่เห็นผล:

• Ulthera: ผลลัพธ์จะค่อยๆ เห็นชัดขึ้นในช่วง 2-3 เดือนหลังการรักษา และคงอยู่ได้นาน 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลหลังการรักษา
• HIFU: ผลลัพธ์จะเห็นผลในช่วง 1-3 เดือนหลังการรักษา และคงอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน

5. ค่าใช้จ่าย:

• Ulthera: มักมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีที่มีความแม่นยำและประสิทธิภาพสูงกว่า
• HIFU: ค่าใช้จ่ายจะต่ำกว่า Ulthera แต่ยังคงให้ผลลัพธ์ที่ดีในระดับหนึ่ง

การเลือกว่าจะทำ Ulthera หรือ HIFU ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวและความต้องการของผู้เข้ารับการรักษา ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อพิจารณาว่าวิธีไหนเหมาะสมกับคุณมากที่สุด

รวมรีวิวก่อน-หลังทำ Ulthera กับ AES CLASS CLINIC