โปรแกรม Juvelook ราคาไม่แรง ผลลัพธ์คุ้มค่า เหมาะฟื้นฟูผิวให้กลับมาดูอ่อนเยาว์!

  • 18/04/2025
  • 9

หากคุณกำลังมองหาวิธีฟื้นฟูผิวให้กลับมาเนียนใส ดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ โปรแกรม Juvelook อาจเป็นคำตอบที่คุณกำลังหาอยู่ นวัตกรรมนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในวงการความงาม เนื่องจากเป็นการช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น ลดริ้วรอย และยังช่วยให้ใบหน้าดูสดใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติอีกด้วย

แต่สำหรับบางคนก็อาจมีคำถามว่า Juvelook แตกต่างจากฟิลเลอร์อย่างไร ให้ผลลัพธ์คล้ายกันหรือไม่ รวมถึง Juvelook ราคาเท่าไหร่จะคุ้มค่ากับผลลัพธ์ที่ได้กลับมาแค่ไหน บทความนี้เอสคลาสคลินิกรวมคำตอบมาไว้ให้แล้ว 

โปรแกรม Juvelook คืออะไร มีการทำงานอย่างไร ?

Juvelook คือรูปแบบการดูแลผิวประเภทหนึ่งที่ใช้ Poly D, L-lactic acid (PDLLA) ซึ่งเป็นโพลีเมอร์สังเคราะห์ในกลุ่มเดียวกับ Polylactic Acid (PLA) ที่ได้รับการพัฒนาให้มีโครงสร้างพิเศษเพื่อช่วยฟื้นฟูผิว โดย PDLLA สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ และถูกนำมาใช้ในทางการแพทย์มานาน เช่น การผลิตไหมละลาย และวัสดุฝังในร่างกาย แต่สิ่งที่ทำให้ PDLLA ในโปรแกรม Juvelook แตกต่างจากสารเติมเต็มอื่นๆ คือ ไม่ได้ทำหน้าที่เติมเต็มปริมาตรของผิวแบบฟิลเลอร์ แต่จะเข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติ ทำให้ผิวดูเรียบเนียน แข็งแรงขึ้น และมีความยืดหยุ่นในระยะยาว 

ในส่วนของกลไกการทำงานการกระตุ้นคอลลาเจนของโปรแกรม Juvelook เมื่อฉีดลงสู่ผิวแล้ว PDLLA จะกระจายตัว และเริ่มกระตุ้นให้ร่างกายให้เกิดกระบวนการสร้างคอลลาเจนใหม่ผ่านกลไก 2 ขั้นตอนหลัก ได้แก่

1. กระตุ้นการตอบสนองของร่างกาย

  • ร่างกายจะมอง PDLLA ว่าเป็นสิ่งแปลกปลอมในรูปแบบที่มีความปลอดภัย และเกิดการตอบสนองโดยกระตุ้นเซลล์ ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ซึ่งเป็นเซลล์สำคัญในการผลิตคอลลาเจน
  • PDLLA จะแตกตัวเป็นอนุภาคเล็กๆ ในชั้นผิว ทำให้เกิดการกระตุ้นการซ่อมแซม และเสริมสร้างเนื้อเยื่อ

2. ปรับกระบวนการสร้างคอลลาเจนให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

  • หลังจาก PDLLA สลายตัวอย่างช้าๆ ร่างกายจะค่อยๆ สร้างคอลลาเจนใหม่ขึ้นทดแทน
  • คอลลาเจนที่เกิดขึ้นจะช่วยเติมเต็มร่องลึก ลดริ้วรอย และปรับโครงสร้างผิวให้เรียบเนียนขึ้น โดยกระบวนการนี้จะใช้เวลาประมาณ 6-12 สัปดาห์ก่อนที่ผลลัพธ์จะเห็นได้อย่างชัดเจน

โปรแกรม Juvelook เหมาะกับใคร และฉีดบริเวณไหนได้บ้าง?

โปรแกรม Juvelook เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวให้ดูอ่อนเยาว์โดยไม่ต้องใช้สารเติมเต็มแบบฟิลเลอร์ และเหมาะกับกลุ่มต่อไปนี้

1. ผู้ที่มีริ้วรอยและผิวหย่อนคล้อย โดยเฉพาะบริเวณใต้ตา มุมปาก และร่องแก้ม ซึ่งจะช่วยให้ผิวกระชับขึ้น และลดความเหี่ยวย่นของผิวได้อย่างเป็นธรรมชาติ

2. ผู้ที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง ผิวไม่เรียบเนียน ซึ่งจะรักษาโดยการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวแน่นขึ้น และช่วยกระชับรูขุมขน พร้อมลดความมันส่วนเกิน

3. ผู้ที่มีปัญหารอยแผลเป็นจากสิว ช่วยเติมเต็มรอยแผลเป็นแบบหลุมสิว ด้วยการกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้รอยแผลเป็นดูตื้นขึ้น และผิวมีความสม่ำเสมอ

4. ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวอย่างเป็นธรรมชาติ และผลลัพธ์ก็สามารถอยู่ได้นาน โดยไม่ต้องฉีดซ้ำบ่อยๆ

นอกจากนี้แล้ว โปรแกรม Juvelook ยังสามารถฟื้นฟูผิวได้หลากหลายบริเวณ ได้แก่

  • ใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นหน้าผาก หว่างคิ้ว ร่องแก้ม ใต้ตา ขมับ กรอบหน้า และแนวขากรรไกร
  • ลำคอและเนินอก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดริ้วรอย บริเวณลำคอหรือเนินอกที่เริ่มมีความหย่อนคล้อย
  • หลังมือ ช่วยเติมเต็มให้ผิวบริเวณมือตึงกระชับ ไม่เหี่ยวย่น

ฉีดโปรแกรม Juvelook เจ็บไหม มีผลข้างเคียงหรือไม่ ?

การฉีดโปรแกรม Juvelook มีระดับความเจ็บน้อยถึงปานกลางขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีด และเทคนิคของแพทย์ โดยทั่วไปจะใช้เข็มขนาดเล็กมาก (Microcannula) ซึ่งช่วยลดความเจ็บปวดและลดโอกาสเกิดรอยช้ำได้ดี ในขณะรับการรักษาอาจมีอาการ ดังนี้

  • ก่อนฉีด แพทย์จะทายาชา หรือฉีดยาชาเพื่อลดความรู้สึกเจ็บ
  • อาจมีความรู้สึกเจ็บเล็กน้อย หรือมีอาการตึง ๆ คล้ายกับการฉีดฟิลเลอร์
  • หลังฉีด อาจรู้สึกตึง หรือระบมเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด ซึ่งจะหายไปภายใน 24-48 ชั่วโมง

ในส่วนของผลข้างเคียง เนื่องจากโปรแกรม Juvelook ส่วนประกอบมีความปลอดภัย และสามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ ทำให้ไม่ค่อยพบผลข้างเคียง แต่อาจมีผลข้างเคียงบ้างเล็กน้อยในบางคน เช่น

  • อาการบวมและรอยแดงที่จะพบได้ในช่วง 1-3 วันแรกหลังฉีด ซึ่งสามารถใช้เจลเย็นประคบ เพื่อบรรเทาอาการได้
  • รอยช้ำเล็กน้อย อาจเกิดขึ้นในบางราย โดยเฉพาะผู้ที่ฉีดบริเวณใต้ตาหรือร่องแก้ม มักหายไปได้เองภายใน 5-7 วัน
  • อาการคัน หรือระคายเคืองเล็กน้อย เกิดจากกระบวนการซ่อมแซมของผิว และการสร้างคอลลาเจน มักเกิดขึ้นชั่วคราว และหายไปเอง
  • ก้อนนูนเล็กๆ ใต้ผิวเกิดจากการที่แพทย์ฉีดตื้นเกินไป อาจทำให้เกิดตุ่มเล็กๆ ใต้ผิว ซึ่งมักจะค่อยๆ ยุบเองได้ในไม่ช้า

คำแนะนำก่อนและหลังฉีดโปรแกรม Juvelook

เพื่อให้การฉีดโปรแกรม Juvelook ได้ผลลัพธ์ที่ดี และลดความเสี่ยงของผลข้างเคียง ควรเตรียมตัวตามคำแนะนำต่อไปนี้ 

ก่อนรักษา

1. งดอาหารเสริมหรือยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน วิตามินอี น้ำมันปลา อย่างน้อย 3-5 วันก่อนฉีด

2. งดดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีน เพราะอาจทำให้เส้นเลือดขยายตัว และเพิ่มความเสี่ยงของอาการบวม และรอยช้ำหลังฉีด

3. หากมีประวัติแพ้ยาชาหรือมีภาวะเลือดออกง่าย ควรแจ้งแพทย์ล่วงหน้า

หลังรักษา

1. ห้ามกดนวดหรือถูแรงๆ บริเวณที่ฉีดเป็นเวลา 24-48 ชั่วโมง เพื่อลดความเสี่ยงของการกระจายตัวผิดตำแหน่ง

2. งดกิจกรรมที่ทำให้เหงื่อออกมาก เช่น ซาวน่า อาบน้ำร้อน หรือออกกำลังกายหนักเป็นเวลา 48 ชั่วโมง เพื่อลดอาการบวม

3. งดแต่งหน้าและเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์ กรดผลไม้ (AHA, BHA) หรือวิตามินซีเข้มข้นเป็นเวลา 24 ชั่วโมง

4. ดื่มน้ำมากๆ และพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะการดื่มน้ำช่วยให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนได้ดี และการพักผ่อนเพียงพอช่วยให้ผิวฟื้นตัวเร็วขึ้น

โปรแกรม Juvelook ราคาเท่าไหร่ คุ้มค่าจริงไหม ?

การดูแลผิวด้วยโปรแกรม Juvelook ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ใช้ และสถานพยาบาลที่ให้บริการ ซึ่งโดยทั่วไปโปรแกรม Juvelook ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 10,000 – 20,000 บาทต่อขวด ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาว่าควรใช้กี่ขวดตามปัญหาผิวของแต่ละบุคคล

แม้ว่าโปรแกรม Juvelook ราคาอาจสูงกว่าการดูแลผิวบางประเภท แต่ในด้านของผลลัพธ์ที่อยู่ได้นานถึง 1-2 ปี และช่วยปรับโครงสร้างผิวจากภายใน จึงถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า สำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวอย่างเป็นธรรมชาติและไม่ต้องฉีดบ่อยๆ 

โปรแกรม Juvelook เป็นการดูแลผิวที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ฟื้นฟูผิวให้เรียบเนียน สดใส และลดเลือนริ้วรอยอย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยสาร Poly D,L-lactic acid (PDLLA) ที่สามารถกระตุ้นกระบวนการฟื้นฟูผิวจากภายใน และมีจุดเด่นคือผลลัพธ์ที่อยู่ได้ยาวนาน ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบระหว่างโปรแกรม Juvelook ราคา และผลลัพธ์ ถือว่าการดูแลผิวที่มีความน่าสนใจอย่างมาก

สนใจ ดูแลผิว ด้วยโปรแกรม Juvelook

ปรึกษาแพทย์ ประเมินผิว และออกแบบการรักษา พร้อมราคาโปรโมชั่น

คลิกปุ่ม Line แล้วพิมพ์ “ JVL ” มาได้เลยนะคะ