เติมเต็ม+กระตุ้นคอลลาเจน! โปรแกรม Juvelook และ Filler ใช้ร่วมกันได้จริงหรือไม่?

  • 20/05/2025
  • 1

เมื่อพูดถึงการฟื้นฟูผิวและลดเลือนริ้วรอย หลายคนอาจสงสัยว่าการใช้โปรแกรม Juvelook และ Filler ร่วมกันจะช่วยเสริมประสิทธิภาพได้จริงหรือไม่ ซึ่งการเติมเต็มผิวและกระตุ้นคอลลาเจนเป็นเป้าหมายสำคัญของการดูแลผิวที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและยาวนาน ด้วยคุณสมบัติที่แตกต่างกัน การเลือกใช้ร่วมกันอย่างเหมาะสมอาจช่วยเสริมผลลัพธ์ให้ดียิ่งขึ้น แต่จะสามารถทำพร้อมกันได้หรือไม่ และต้องมีข้อควรระวังอะไรบ้าง มาหาคำตอบกันว่าการใช้สองโปรแกรมนี้ร่วมกันจะให้ผลลัพธ์อย่างไรกับผิวของคุณ

PDLLA ในโปรแกรม Juvelook vs Filler มีความแตกต่างกันอย่างไร?

PDLLA (Poly-D, L-Lactic Acid) และ HA Filler (Hyaluronic Acid Filler) เป็นสารเติมเต็มที่ใช้ในด้านความงาม แต่มีคุณสมบัติและกลไกการทำงานที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ดังนี้

  • PDLLA ในเป็นสารกระตุ้นคอลลาเจน (Biostimulator) ที่ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติในชั้นผิว เมื่อฉีดเข้าไปในผิว PDLLA จะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่ ช่วยให้ผิวดูอิ่มฟู ยืดหยุ่นและมีความแน่นกระชับขึ้น ผลลัพธ์จาก PDLLA ค่อยๆ ปรากฏขึ้นและคงอยู่ได้นานหลายเดือนกระทั่งเป็นปี ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ใช้และกระบวนการสร้างคอลลาเจนของร่างกาย
  • HA Filler เป็นสารเติมเต็มที่ใช้กรดไฮยาลูโรนิก ซึ่งเป็นสารอุ้มน้ำที่มีอยู่ตามธรรมชาติในร่างกาย เมื่อฉีดเข้าไป HA Filler จะให้ผลลัพธ์หลังเติมในทันทีโดยช่วยเติมเต็มร่องลึกและเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว ผลลัพธ์จาก HA Filler อยู่ได้นานประมาณ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของ Filler และตำแหน่งที่ฉีด รวมถึงการดูแลตัวเองและปัญหาผิวของแต่ละบุคคล หลังจากนั้นร่างกายจะค่อยๆ สลายสารดังกล่าวไปตามธรรมชาติ

กระบวนการทำงานร่วมกันของโปรแกรม Juvelook และ Filler ในชั้นผิว

โปรแกรม Juvelook ซึ่งประกอบด้วย PDLLA และ Filler ที่มีกรดไฮยาลูโรนิก (HA Filler) สามารถทำงานร่วมกันได้ในชั้นผิว โดยมีกระบวนการ ดังนี้

การทำงานร่วมกันของ PDLLA และ HA 

  • HA ช่วยเพิ่มความสามารถในการกระจายตัว : ลดการเกาะตัวของ PDLLA ที่อาจเป็นก้อน ทำให้กระบวนการสร้างคอลลาเจนเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ
  • PDLLA กระตุ้น Fibroblasts ต่อเนื่องหลัง HA สลายตัว : HA Filler จะถูกย่อยสลายภายใน 6-12 เดือน ขณะที่ PDLLA ยังคงกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานขึ้น
  • ลดโอกาสเกิด Fibrotic Nodule : HA ช่วยกระจายแรงกดในเนื้อเยื่อ ลดความเสี่ยงของ PDLLA ที่จะกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนมากเกินไป

ควรฉีดโปรแกรม Juvelook ก่อนหรือหลัง Filler ?

การเลือกฉีดโปรแกรม Juvelook ก่อนหรือหลังโปรแกรม Filler ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการรักษาและผลกระทบต่อเนื้อเยื่อผิว เนื่องจากทั้งสองสารมีกลไกการทำงานที่แตกต่างกันและสามารถเสริมฤทธิ์กันได้หากใช้ร่วมกันอย่างเหมาะสม ดังนี้

1. ฉีดโปรแกรม Juvelook ก่อน Filler

การฉีดโปรแกรม Juvelook ก่อนช่วยให้ผิวมี โครงสร้างที่แข็งแรงขึ้นจากการกระตุ้นคอลลาเจน ทำให้การฉีดโปรแกรม Filler ในภายหลังมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมีข้อดีคือ

  • โปรแกรม Juvelook กระตุ้น Fibroblast และ TGF-β ทำให้เกิดการสร้าง Collagen Type I และ III อย่างต่อเนื่อง ผิวที่แข็งแรงขึ้นจะช่วยให้โปรแกรม Filler กระจายตัวได้ดีขึ้น
  • เนื่องจากโปรแกรม Juvelook ทำให้ชั้นผิวมีโครงสร้างแน่นขึ้น Filler ที่ฉีดในภายหลังจะมีจุดยึดเกาะที่ดีขึ้น
  • เมื่อโปรแกรม Juvelook กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ผลลัพธ์ของโปรแกรม Filler ที่เติมเต็มจะดูกลมกลืนกับเนื้อเยื่อเดิมมากขึ้น

2. ฉีดโปรแกรม Filler ก่อน Juvelook

หากต้องการแก้ไขปัญหาปริมาตรใบหน้าที่ให้ผลลัพธ์รวดเร็ว อาจเลือกฉีดโปรแกรม Filler ก่อน แล้วตามด้วยโปรแกรม Juvelook ในภายหลัง โดยมีข้อดีคือ

  • โปรแกรม Filler ทำหน้าที่เติมเต็มใต้ผิว ทำให้เห็นผลการปรับรูปหน้าได้ตั้งแต่แรก
  • โปรแกรม Filler สามารถช่วย ให้ PDLLA กระจายตัวในชั้นผิว ลดความเสี่ยงของการจับตัวเป็นก้อนของ PDLLA

สรุป

โปรแกรม Juvelook และ Filler สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยทั้งเติมเต็มผิวและกระตุ้นคอลลาเจนในระยะยาว โดยการใช้เทคนิคที่เหมาะสมและการเลือกฉีดในตำแหน่งที่ถูกต้องจะช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาดูเป็นธรรมชาติและคงอยู่ได้นานขึ้น 

ทั้งนี้ ควรปรึกษาแพทย์ผู้มีประสบการณ์เพื่อวางแผนการรักษาให้เหมาะกับปัญหาผิวและความต้องการเฉพาะบุคคลเพื่อผลลัพธ์ที่สวยงามมั่นใจของคุณ

สนใจโปรแกรม Juvelook ราคา

ปรึกษาแพทย์ ประเมินผิว และออกแบบการรักษา 

คลิกปุ่ม Line แล้วพิมพ์ “ JVL ”

อ้างอิง :

https://estaderma.com/shop/fillers/plla-fillers/juvelook

https://juvelook.com/faq/

https://www.drshane.sg/procedures/juvelook/

https://www.fundamentalaestheticclinic.com.sg/post/juvelook-volume-vs-filler