โปรแกรม Radiesse Plus คืออะไร? แตกต่างจาก Radiesse Classic อย่างไร? ในการดูแลปัญหาผิว
- 18/04/2025
- 4

หากพูดถึงตัวช่วยยกกระชับผิวและลดริ้วรอยที่ให้ผลลัพธ์ยาวนาน โปรแกรม Radiesse ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่หลายคนให้ความสนใจ เพราะนอกจากจะช่วยเติมเต็มใบหน้าให้ดูอิ่มฟูแล้ว ยังช่วยกระตุ้นคอลลาเจนตามธรรมชาติ ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ขึ้น แต่รู้ไหมว่าโปรแกรม Radiesse ยังมีอีกรุ่นที่ชื่อว่า Radiesse Plus ซึ่งได้รับการพัฒนาให้มีคุณสมบัติบางอย่างแตกต่างจากรุ่นเดิม
แล้วคุณสงสัยหรือไม่ว่าโปรแกรม Radiesse Plus คืออะไร ควรเลือกแบบไหนให้เหมาะกับปัญหาผิวของตัวเอง เรามาทำความเข้าใจความแตกต่างของทั้งสองตัวก่อนตัดสินใจรับการรักษากัน
ทำความรู้จักโปรแกรม Radiesse Plus คือ

โปรแกรม Radiesse Plus คือสารเติมเต็ม (Dermal Filler) ชนิดหนึ่งที่ใช้สำหรับฟื้นฟู และเสริมสร้างโครงสร้างผิวหน้า มีส่วนประกอบหลักคือ Calcium Hydroxylapatite (CaHA) ซึ่งเป็นสารประกอบของแคลเซียม และฟอสเฟตที่พบได้ในกระดูกของร่างกายมนุษย์ แตกต่างจากฟิลเลอร์ทั่วไปที่มักใช้ Hyaluronic Acid (HA) โดยสารประเภทนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดริ้วรอย และร่องลึก แต่ยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในระยะยาวด้วยเช่นกัน โดยสารเติมเต็มชนิดนี้ มีคุณสมบัติเด่น คือ
- อนุภาค CaHA ในโปรแกรม Radiesse Plus ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนของผิว ทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานกว่า HA filler
- เนื้อของสารเติมเต็มชนิดนี้มีความหนืดและแข็งเล็กน้อย จึงเหมาะกับการใช้เติมเต็มโครงหน้า เช่น ขมับ แก้ม คาง กรอบหน้า และให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
- มีความคงทนสูง สามารถอยู่ได้นาน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการดูแลผิวของแต่ละบุคคล
- ส่วนประกอบ CaHA เมื่อเวลาผ่านไปจะถูกสลายไปตามธรรมชาติ และถูกกำจัดออกจากร่างกาย ทำให้มีความปลอดภัย
โปรแกรม Radiesse Plus กับ Radiesse Classic แตกต่างกันอย่างไร?

สารเติมเต็มสองประเภทนี้ใช้ Calcium Hydroxylapatite (CaHA) เหมือนกัน แต่มีจุดต่างที่สำคัญหลายด้าน เช่น ความหนืด การกระจายตัวของสาร ซึ่งส่งผลต่อการเลือกใช้ในแต่ละกรณี โดยจุดที่มีความแตกต่างกันมีดังนี้
1. ความหนืดและการกระจายตัวของสาร
- โปรแกรม Radiesse Classic มีความหนืดสูงกว่า ทำให้สารอยู่ในจุดที่ฉีด และไม่กระจายไปบริเวณอื่น
- โปรแกรม Radiesse Plus มีเนื้อสัมผัสที่นุ่มกว่า กระจายตัวได้ดีขึ้น ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติมากกว่า
2. ความรู้สึกขณะฉีด
- โปรแกรม Radiesse Classic ไม่ได้ผสมยาชา จึงอาจทำให้รู้สึกเจ็บเล็กน้อยในขณะรักษา
- โปรแกรม Radiesse Plus มี Lidocaine ผสมอยู่ ซึ่งช่วยลดความรู้สึกเจ็บ ทำให้ฉีดได้สบายขึ้น
3. จุดประสงค์การรักษา
- โปรแกรม Radiesse Classic เหมาะกับบริเวณที่ต้องการความอยู่ตัวของสาร เช่น กราม คาง หรือแนวขากรรไกร
- โปรแกรม Radiesse Plus เหมาะกับบริเวณที่ต้องการให้ผลลัพธ์ผิวอิ่มฟู ดูเป็นธรรมชาติ เช่น ขมับ หรือแก้ม
กระบวนการทำงานของโปรแกรม Radiesse Plus
เมื่อฉีดโปรแกรม Radiesse Plus สาร CaHA จะถูกดูดซึมเข้าไปในร่างกาย และกระตุ้นเซลล์ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) ซึ่งเป็นเซลล์ที่ผลิตคอลลาเจน การสร้างคอลลาเจนใหม่จะช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่น และกระชับขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังการรักษา โดยผลลัพธ์การสร้างคอลลาเจนใช้เวลา 2-3 เดือน จึงจะเห็นผลอย่างเต็มที่
จุดเด่นของโปรแกรม Radiesse Plus
มีคุณสมบัติในการยกกระชับผิวและลดริ้วรอยอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งมีจุดเด่นหลักๆ ดังนี้
- ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ทำให้ผลลัพธ์ยาวนาน และช่วยฟื้นฟูความยืดหยุ่นของผิวหน้าได้อย่างต่อเนื่อง
- เหมาะกับการลดริ้วรอย ร่องลึก เช่น ร่องแก้ม หรือจุดที่ผิวขาดความกระชับ
- ใช้เวลาน้อยในการรักษาและไม่ต้องพักฟื้นมากนัก สามารถกลับไปทำกิจวัตรได้หลังฉีดไม่กี่ชั่วโมง
- ช่วยฟื้นฟูสภาพผิวให้ดูสดใสและเรียบเนียนขึ้น ทำให้ใบหน้าแลดูอ่อนเยาว์และกระชับขึ้น
- ผ่านการทดสอบทางการแพทย์ และได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย
ขั้นตอนในการฉีดโปรแกรม Radiesse Plus
ใช้เวลาไม่นานต่อการรักษาหนึ่งครั้ง โดยมีขั้นตอน ดังนี้
1. แพทย์ทำการประเมินสภาพผิวและวิเคราะห์ปัญหาที่ต้องการแก้ไข
2. พนักงานทำความสะอาดผิวบริเวณที่จะทำการฉีด
3. แพทย์ทำการรักษา โดยใช้เวลาประมาณ 15-30 นาที ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ฉีด
4. หลังการฉีดแพทย์ประคบเย็นเพื่อช่วยลดอาการบวม และอักเสบ พร้อมให้คำแนะนำในการหลีกเลี่ยงการนวด หรือกดบริเวณที่ฉีดในช่วง 24 ชั่วโมงแรก
5. แพทย์นัดติดตามผล เพื่อดูการตอบสนองของผิว และให้คำแนะนำเพิ่มเติม
โปรแกรม Radiesse Plus เหมาะกับใครบ้าง ?
โปรแกรม Radiesse Plus คือ ตัวเลือกเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเติมเต็มผิวหน้าที่มีการสูญเสียมิติ และความเต่งตึง โดยเฉพาะบริเวณที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติ และไม่ต้องการความเปลี่ยนแปลงที่มากเกินไป ซึ่งเหมาะกับปัญหาผิวต่อไปนี้
1. ผู้ที่มีริ้วรอยลึกหรือขมับตอบ
การใช้โปรแกรม Radiesse Plus คือช่วยเติมเต็มส่วนที่ตอบและยุบให้กลับมาดูเต็มขึ้น อีกทั้งผลลัพธ์จะดูเป็นธรรมชาติ ไม่ทำให้ดูแข็งหรือผิดรูป
2. ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนาน
การรักษาประเภทนี้มีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนภายในผิว ทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานกว่าฟิลเลอร์หลายชนิด ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ยาวนานสามารถเลือกใช้โปรแกรม Radiesse Plus ได้ โดยไม่ต้องเติมบ่อยๆ
3. ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์กระตุ้นคอลลาเจน
โปรแกรม Radiesse Plus มีส่วนช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว ทำให้ผิวแลดูอ่อนเยาว์ขึ้นจากภายใน หากต้องการปรับรูปหน้า หรือปรับโครงสร้างผิวให้มีความอิ่มฟูแบบยาวนาน โปรแกรม Radiesse Plus เป็นทางเลือกที่ถือว่ามีคุณสมบัติที่เหมาะสม
ข้อควรระวังในการรักษาด้วยโปรแกรม Radiesse Plus
แม้การรักษาประเภทนี้จะเป็นทางเลือกที่ดีในการเติมเต็มผิว และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อควรระวังบางประการที่ผู้เข้ารับการรักษาควรคำนึงถึงเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดี และมีความปลอดภัย ดังนี้
- ควรเลือกคลินิกที่แพทย์มีประสบการณ์ เพราะการฉีดในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม หรือในปริมาณที่ไม่พอเหมาะอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง หรือบาดเจ็บได้
- หากมีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือโรคเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำการฉีด เนื่องจากอาจมีความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง
- หลังฉีดควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือนวดบริเวณที่ฉีด รวมถึงหลีกเลี่ยงการออกแดดจัด หรือทำกิจกรรมที่มีเหงื่อออกมากในช่วงแรกหลังรักษา
- ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นในบางคน เช่น อาการบวม แดง หรือเขียวช้ำบริเวณที่ฉีด อย่างไรก็ตาม อาการเหล่านี้จะหายไปได้เองภายในไม่กี่วัน
- คุณแม่ที่อยู่ระหว่างตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตรไม่ควรฉีด
สรุป
ถือได้ว่าโปรแกรม Radiesse Plus คือตัวเลือกที่ดีในการฟื้นฟูผิวและปรับรูปหน้า โดยให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับการเติมเต็มบริเวณขมับหรือแก้ม อีกทั้งยังให้ผลลัพธ์ค่อนข้างนาน นอกจากนี้ยังสามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเพื่อให้ผิวดูเต่งตึงขึ้น อย่างไรก็ตาม การรักษาควรเลือกแพทย์หรือคลินิกที่มีประสบการณ์ในการฉีดมาก่อน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะทำให้ผลลัพธ์ออกมามีความปลอดภัยและเหมาะสมกับแต่ละบุคคล
สนใจ ดูแลผิว ด้วยโปรแกรม Radiesse
ปรึกษาแพทย์ ประเมินผิว และออกแบบการรักษา พร้อมราคาโปรโมชั่น
คลิกปุ่ม Line แล้วพิมพ์ “ RDS ” มาได้เลยนะคะ